คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2014/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เช็คซึ่งลงแต่วันที่มิได้ลงเดือนปีที่สั่งจ่าย เป็นเช็คที่มีรายการไม่ครบตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 988 บัญญัติไว้ และเป็นตั๋วเงินที่มีรายการขาดตกบกพร่องไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 910 จึงมิใช่เช็ค ผู้สั่งจ่ายและผู้สลักหลังเช็คดังกล่าวจึงไม่ต้องรับผิดตามเนื้อความแห่งเช็คนั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามนำเช็คมาแลกเงินสดจากโจทก์ จำเลยที่ ๑ เป็นผู้สั่งจ่าย จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ เป็นผู้สลักหลัง ลงวันที่สั่งจ่าย ๒๕ ต่อมาโจทก์มีหนังสือถึงจำเลยที่ ๑ แจ้งว่า ตามที่ลงวันที่ในเช็คว่า ๒๕ นั้น โจทก์ขอถือเอาวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๑๖ และเมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๑๖ โจทก์ได้นำเช็คไปเข้าบัญชีโจทก์เพื่อเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินโดยให้ติดต่อผู้สั่งจ่าย ขอศาลบังคับให้จำเลยชำระเงินตามเช็ค
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า ไม่เคยนำเช็คไปแลกเงินกับโจทก์ ความจริงนำไปแลกเงินจากนายบุ่นทัดโดยจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ เซ็นรับรองว่าเป็นเช็คของจำเลยที่ ๑ จริง ต่อมาจำเลยที่ ๑ ได้ชำระเงินให้นายบุ่นทัดแล้ว แต่นายบุ่นทัดไม่คืนเช็คให้ โจทก์คิดฉ้อโกง จำเลยจึงนำเช็คดังกล่าวมาฟ้อง
จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ร่วมกันให้การว่า ไม่เคยนำเช็คไปแลกเงินกับโจทก์ ทั้งมิได้เป็นผู้ค้ำประกันหนี้รายนี้ การสลักหลังเช็คก็เพื่อรับรองว่าเป็นเช็คของจำเลยที่ ๑ จริง หากจะฟังว่าเป็นการค้ำประกันจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ก็หลุดพ้นจากความรับผิดแล้ว เพราะหนี้รายนี้มีกำหนดแน่นอน โจทก์ยอมผ่อนเวลาชำระหนี้ให้จำเลยที่ ๑ ตลอดมาโดยไม่เคยแจ้งให้จำเลยที่ ๒ และที่ ๓ ทราบเพื่อชำระหนี้รายนี้แก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็ค จำเลยจะอ้างข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันระหว่างจำเลยกับนายบุ่นทัดอันเป็นผู้ทรงคนก่อนไม่ได้ แต่เช็คตามฟ้องลงวันที่ ๒๕ เท่านั้น ไม่มีเดือนและปี เป็นเช็คไม่ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา ๙๘๘ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เป็นโมฆะ เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามมาตรา ๑๔๒ (๕) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง จำเลยทั้งสามจึงไม่ต้องรับผิดตามเนื้อความแห่งเช็คนั้น พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงินตามเช็คพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๑ ลงชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คโดยจำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๓ เป็นผู้ลงชื่อสลักหลังเช็คดังกล่าวซึ่งมิได้ลงเดือนปีที่สั่งจ่าย เพียงแต่ลงวันที่เท่านั้น โจทก์เป็นผู้ครอบครองเช็ค และหลังจากนำเช็คไปขึ้นเงินแล้ว ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน และศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เช็คตามเอกสารหมาย จ.๑ และ จ.๒ ลงแต่วันที่สั่งจ่ายโดยมิได้ลงเดือนปีที่สั่งจ่าย แม้โจทก์จะมีหนังสือถึงจำเลยที่ ๑ เมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๑๖ และวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๑๖ แจ้งว่าตามที่จำเลยที่ ๑ ลงวันที่ในเช็คทั้งสองฉบับดังกล่าวเพียงวันที่ ๒๕ นั้น โจทก์ขอถือเอาเป็นวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๑๖ ก็ตาม ก็ไม่อาจรับฟังได้ เพราะเช็คทั้งสองฉบับมีรายการไม่ครบตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๘๘ บัญญัติไว้ และเป็นตั๋วเงินที่มีรายการขาดตกบกพร่องไม่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๙๑๐ จึงมิใช่เช็ค ที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่าการที่จำเลยที่ ๑ นำเอกสารหมาย จ.๑ และ จ.๒ ไปแลกเงินมาจากโจทก์ จึงมีมูลหนี้ต่อกันอยู่ เมื่อโจทก์ทวงถามแล้ว จำเลยที่ ๑ ไม่คืนเงินให้ จึงตกเป็นฝ่ายผิดนัดต้องรับผิดชดใช้ให้โจทก์นั้นยังไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา เพราะโจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็ค ไม่ใช่ฟ้องเรียกให้ชำระหนี้ตามมูลหนี้เดิม ฎีกาของจำเลยที่ ๑ ฟังขึ้น และเมื่อวินิจฉัยว่าจำเลยที่ ๑ ไม่ต้องรับผิดตามฟ้องแล้ว ฎีกาของโจทก์ที่ว่าจะต้องให้จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ รับผิดชอบด้วยหากจำเลยที่ ๑ ไม่ชำระ จึงไม่จำเป็นที่ศาลฎีกาจะต้องวินิจฉัย
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share