แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์จดทะเบียนขายฝากที่พิพาทแก่จำเลย ก่อนครบกำหนดไถ่ถอนโจทก์จำเลยทำสัญญากันว่า โจทก์ยืมเงินจำเลยจำนวนหนึ่ง โจทก์ขอต่อสัญญาขายฝากออกไปอีก 5 เดือน จำเลยจะไม่ขายที่ดินแปลงที่ขายฝากให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใด ถ้าโจทก์นำเงินจำนวนดังกล่าวมาชำระ จำเลยจะโอนให้จะไม่คิดเกินราคาในสัญญานี้ ต่อมาโจทก์จำเลยทำสัญญากันอีกว่า โจทก์ได้นำเงินมาชำระให้จำเลยส่วนหนึ่ง ขอต่อสัญญาไปอีก ดังนี้ ข้อตกลงตามหนังสือสัญญาทั้งสองฉบับดังกล่าวเป็นการขยายกำหนดเวลาไถ่ มิใช่เป็นคำมั่นว่าจำเลยตกลงจะขายที่พิพาทคืนให้โจทก์ จึงเป็นโมฆะเพราะขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 496
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จดทะเบียนขายฝากที่ดินไว้แก่จำเลยมีกำหนด ๑๐ เดือน ต่อมาโจทก์ได้ขอต่ออายุสัญญาขายฝากออกไปอีก มีกำหนด ๕ เดือน จำเลยตกลงยินยอมให้โจทก์ซื้อคืนได้ภายในกำหนด ต่อมาโจทก์จำเลยทำสัญญาต่ออายุสัญญาออกไปอีก ๔ เดือน ครบกำหนดโจทก์นำเงินไปชำระ จำเลยไม่ยอม ขอให้บังคับจำเลยโอนที่ดินที่โจทก์ขายฝากจำเลยไว้
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ไถ่การขายฝากภายในกำหนด ที่ดินหลุดเป็นสิทธิแก่จำเลยแล้ว การขยายเวลาการขายฝากใช้บังคับไม่ได้ ถ้าจะฟังว่าจำเลยให้คำมั่นว่าจะขายที่พิพาทคืนให้โจทก์ โจทก์มิได้ปฏิบัติตามคำมั่น คำมั่นเป็นอันไร้ผล
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลย แล้ววินิจฉัยว่า หนังสือต่ออายุสัญญาขายฝากเป็นการขายกำหนดเวลาไถ่ถอนการขายฝาก ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๙๖ โจทก์ไม่ไถ่ถอนภายในกำหนด ที่พิพาทหลุดเป็นสิทธิแก่จำเลย โจทก์หมดสิทธิที่จะเอาคืน พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่า หนังสือสัญญาที่โจทก์จำเลยทำไว้ไม่เป็นการขายกำหนดเวลาไถ่การขายฝาก แต่เป็นคำมั่นว่า จำเลยจะขายที่ดินที่ขายฝากคืนให้แก่โจทก์
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๑๖ โจทก์จดทะเบียนขายฝากที่พิพาทแก่จำเลยเป็นเงิน ๔,๖๕๐ บาท มีกำหนดเวลาไถ่ ๑๐ เดือน ครบกำหนดวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๑๗ ในวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๗ โจทก์จำเลยทำสัญญากันว่าโจทก์ยืมเงินจำเลยจำนวน ๔,๓๐๐ บาท สัญญาขายฝากสิ้นกำหนด โจทก์ขอต่อสัญญาขายฝากออกไปอีก ๕ เดือน จนถึงวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๑๗ จำเลยไม่ขายที่ดินแปลงที่ขายฝากให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใด ถ้าโจทก์นำเงินจำนวนดังกล่าวมาชำระจำเลยจะโอนให้ จะไม่คิดเกินราคาในสัญญานี้ ต่อมาวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๑๗ โจทก์จำเลยทำสัญญากันอีกว่า โจทก์ได้นำเงินมาชำระให้จำเลยจำนวน ๓๐๐ บาท คงเหลือ ๔,๐๐๐ บาท ขอต่อสัญญาไปอีกจนถึงวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๑๗ เห็นว่า ข้อตกลงหนังสือสัญญาดังกล่าวเป็นการขยายกำหนดเวลาไถ่ ข้อความในสัญญาที่ว่า จำเลยจะไม่ขายที่ดินแปลงที่ขายฝากให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใด ถ้าโจทก์นำเงินมาชำระ จำเลยจะโอนให้ เป็นเพียงคำรับรองของจำเลยยอมให้โจทก์ไถ่ในจำนวนเงินที่ระบุไว้ แม้จะพ้นกำหนดเวลาไถ่ มิใช่เป็นคำมั่นว่าจำเลยตกลงจะขายที่พิพาทคืนให้โจทก์ การขยายกำหนดเวลาไถ่ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๙๖ เป็นโมฆะ โจทก์จะขอให้บังคับจำเลยโอนขายที่พิพาทให้โจทก์หาได้ไม่
พิพากษายืน