แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีฟ้องหย่าและขอแบ่งทรัพย์สิน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์ฎีกาขอให้มีการหย่าหรือขอให้สืบพยานโจทก์ต่อไป ขณะคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ปรากฏว่าจำเลยถึงแก่กรรม ดังนั้น การสมรสย่อมสินสุดลงดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยปัญหาที่โจทก์ฎีกาต่อไป ศาลฎีกาย่อมจำหน่ายคดีจากสารบบความ และคืนค่าตัดสินกับค่าคำบังคับให้โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมนอกนั้นให้เป็นพับ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำการเป็นปรปักษ์ต่อการเป็นสามีภรรยาอย่างร้ายแรง และจำเลยมีอาการวิกลจริต ขอให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจาดการเป็นสามีภรรยาและแบ่งทรัพย์สินให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์ แล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปรากฏว่าขณะคดีนี้อยู่ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาศาลชั้นต้นแจ้งว่าจำเลยถึงแก่กรรมที่โรงพยาบาลเมืองลำปางด้วยโรคชรา และขาดอาหารโดยมีสำเนามรณบัตรเป็นหลักฐาน
คดีนี้เป็นคดีฟ้องหย่าและขอแบ่งทรัพย์สิน โจทก์ฎีกาขอให้มีการหย่าขอให้สืบพยานโจทก์ต่อไป ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อจำเลยถึงแก่กรรมไปแล้ว การสมรสย่อมสิ้นสุดลงดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฉะนั้น จึงไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยปัญหาที่โจทก์ฎีกาต่อไป
ให้จำหน่ายคดีจากสารบบความของศาลฎีกาคืนค่าตัดสินกับค่าคำบังคับให้โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมนอกนั้นให้เป็นพับ