คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 605/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ได้ความว่าเฮโรอีนของกลางเป็นของจำเลย แต่โจทก์ไม่ได้นำสืบให้ปรากฏเลยว่าจำเลยมีเฮโรอีนดังกล่าวไว้เพื่อขาย จำหน่าย หรือจ่ายแจก เพียงแต่พยานโจทก์คือร้อยตำรวจเอก ส. และสิบตำรวจตรี พ. เบิกความว่า พันตำรวจตรี พ. สืบทราบมาว่า จำเลยจำหน่ายเฮโรอีน และเฮโรอีนที่จับได้มีจำนวน 6 กรัม นั้น หาเพียงพอที่จะสันนิษฐานให้เป็นผลร้ายแก่จำเลยว่าจำเลยมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่ายได้ไม่ จำเลยคงมีความผิดเพียงมีเฮโรอีนของกลางไว้ในความครอบครองเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจมีเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ซึ่งเป็นเกลือของเฮโรอีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษ ซึ่งต้องห้ามเด็ดขาด จำนวน ๖.๐๐ กรัม ราคา ๑๘๐ บาท ไว้ในครอบครอง และมีไว้เพื่อขาย จำหน่าย จ่ายแจก โดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๔๖๕ มาตรา ๔, ๔ ทวิ, ๑๔, ๒๐ ทวิ, ๒๐ ตรี, ๒๒, ๒๓, ๒๗, ๒๘, ๒๙ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๗๙ มาตรา ๑๐, ๑๑ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๕, ๖ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๔ มาตรา ๓, ๔, ๕, ๖, ๗, ๑๒ และริบเฮโรอีนของกลางที่จับได้จากจำเลย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยมีเฮโรอีนของกลางไว้เพื่อจำหน่าย อันเป็นความผิดกรรมเดียวและบทเดียว พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๔๖๕ มาตรา ๒๐ ทวิ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๔ มาตรา ๖ จำคุก ๗ ปี ๖ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่ารูปคดีเป็นที่สงสัย จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ เฮโรอีนของกลางเป็นของผิดกฎหมายให้ริบ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยแล้ว ฟังข้อเท็จจริงว่าเฮโรอีนของกลางเป็นของจำเลยจริง แต่ที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่ายด้วยนั้น เห็นว่า โจทก์ไม่ได้นำสืบให้ปรากฏเลยว่า จำเลยมีเฮโรอีนดังกล่าวไว้เพื่อขาย จำหน่าย จ่ายแจก แต่อย่างใด เพียงแต่ร้อยตำรวจเอกสมบัติ และสิบตำรวจตรีไพศาลเบิกความว่า พันตำรวจตรีพิศิษฐ์สืบทราบมาก็ดี หรือเฮโรอีนที่จับไม่มีจำนวน ๖ กรัมก็ดี ก็หาเพียงพอที่จะสันนิษฐานให้เป็นผลร้ายแก่จำเลยว่าจำเลยมีเฮโรอีนไว้เพื่อจำหน่ายได้ไม่ จำเลยจึงคงมีความผิดเพียงมีเฮโรอีนของกลางอันเป็นยาเสพติดให้โทษชนิดต้องห้ามโดยเด็ดขาดไว้ในความครอบครองเท่านั้น
พิพากษากลับ เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๔๖๕ มาตรา ๑๔, ๒๐ ตรี พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๔ มาตรา ๗ ลงโทษจำคุกจำเลย ๒ ปี ของกลางริบ

Share