คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 519/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้จัดการมรดกของ ส. เป็นโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยผู้อาศัยออกจากห้องพิพาท ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินที่ ส. เช่าจากผู้อื่นมา มิได้ขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดิน แม้จะมีผลให้จำเลยต้องออกไปจากที่ดินดังกล่าวด้วย ก็ไม่ทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย และสัญญาเช่าที่ดินที่ ส. ทำไว้กับผู้อื่นจะมีผลประการใด ก็เป็นเรื่องระหว่างผู้เช่ากับผู้ให้เช่าไม่เกี่ยวกับจำเลย จำเลยจะอ้างว่าเมื่อ ส. ถึงแก่กรรมสัญญาเช่าที่ดินที่ ส. ทำไว้กับผู้อื่นย่อมระงับไป และโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนายสงัด ชุมทอง นายสงัดได้เช่าที่ดินราชพัสดุสร้างห้องแถว จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ เช่าห้องเลขที่ ๓๐๖ ซึ่งนายสงัดได้ต่อเติมด้านทิศเหนือใช้เป็นที่เก็บรถยนต์ ก่อนนายสงัดตายได้ขายห้องเลขที่ ๓๐๖ ให้นางเอื้อนศิริ และจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ตกลงซื้อห้องเก็บรถยนต์ดังกล่าวโดยขอเข้าอยู่ก่อนชำระเงิน เมื่อนางสงัดตาย โจทก์ทวงถามเงินค่าห้องจำเลยไม่ชำระ และจำเลยที่ ๓ โต้แย้งสิทธิของโจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยออกจากห้องพิพาทดังกล่าวและใช้ค่าเสียหาย ๑,๔๐๐ บาท กับอีกเดือนละ ๒๐๐ บาท นับแต่เดือนมกราคม ๒๕๑๗ จนกว่าจะออกจากห้องพิพาท
จำเลยให้การว่า ไม่เคยตกลงซื้อห้องเก็บรถยนต์ ห้องดังกล่าวเป็นของจำเลยที่ ๓ นายสงัดเช่าที่ดินปลูกห้องแถวและนายสงัดตายไปแล้ว สัญญาเช่าเป็นอันระงับ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ห้องพิพาทเป็นของนายสงัด โจทก์ให้อยู่โดยไม่เรียกเก็บค่าเช่าจึงไม่ได้เสียหาย พิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากห้องพิพาท
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ ๓ ใช้ค่าเสียหายเดือนละ ๑๐๐ บาท แต่วันฟ้องจนกว่าจะออกจากห้องพิพาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาข้อกฎหมายว่า สัญญาเช่าที่ดินซึ่งนายสงัดทำไว้ เมื่อนายสงัดถึงแก่กรรมย่อมระงับไป โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยทั้งสามออกไปจากห้องพิพาท มิได้ขอให้ขับไล่จำเลยออกไปจากที่ดินซึ่งนายสงัดเช่ามาโดยตรง แม้จะมีผลให้จำเลยต้องออกไปจากที่ดินดังกล่าวด้วย ก็ไม่ทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย สัญญาเช่าที่ดินซึ่งนายสงัดทำไว้จะมีผลเป็นประการใดเป็นเรื่องระหว่างผู้เช่ากับผู้ให้เช่า ไม่เกี่ยวกับจำเลย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share