แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้จัดการมรดกของ ส. เป็นโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยผู้อาศัยออกจากห้องพิพาท ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินที่ ส. เช่าจากผู้อื่นมา มิได้ขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดิน แม้จะมีผลให้จำเลยต้องออกไปจากที่ดินดังกล่าวด้วย ก็ไม่ทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย และสัญญาเช่าที่ดินที่ ส. ทำไว้กับผู้อื่นจะมีผลประการใด ก็เป็นเรื่องระหว่างผู้เช่ากับผู้ให้เช่าไม่เกี่ยวกับจำเลย จำเลยจะอ้างว่าเมื่อ ส. ถึงแก่กรรมสัญญาเช่าที่ดินที่ ส. ทำไว้กับผู้อื่นย่อมระงับไป และโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า  โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนายสงัด  ชุมทอง  นายสงัดได้เช่าที่ดินราชพัสดุสร้างห้องแถว  จำเลยที่ ๑  ที่ ๒  เช่าห้องเลขที่ ๓๐๖  ซึ่งนายสงัดได้ต่อเติมด้านทิศเหนือใช้เป็นที่เก็บรถยนต์  ก่อนนายสงัดตายได้ขายห้องเลขที่ ๓๐๖  ให้นางเอื้อนศิริ  และจำเลยที่ ๑  ที่ ๒  ตกลงซื้อห้องเก็บรถยนต์ดังกล่าวโดยขอเข้าอยู่ก่อนชำระเงิน  เมื่อนางสงัดตาย  โจทก์ทวงถามเงินค่าห้องจำเลยไม่ชำระ  และจำเลยที่ ๓  โต้แย้งสิทธิของโจทก์  ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยออกจากห้องพิพาทดังกล่าวและใช้ค่าเสียหาย  ๑,๔๐๐ บาท  กับอีกเดือนละ ๒๐๐ บาท  นับแต่เดือนมกราคม ๒๕๑๗  จนกว่าจะออกจากห้องพิพาท
จำเลยให้การว่า  ไม่เคยตกลงซื้อห้องเก็บรถยนต์  ห้องดังกล่าวเป็นของจำเลยที่ ๓  นายสงัดเช่าที่ดินปลูกห้องแถวและนายสงัดตายไปแล้ว  สัญญาเช่าเป็นอันระงับ  โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า  ห้องพิพาทเป็นของนายสงัด  โจทก์ให้อยู่โดยไม่เรียกเก็บค่าเช่าจึงไม่ได้เสียหาย  พิพากษาให้ขับไล่จำเลยออกจากห้องพิพาท
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ ๓  ใช้ค่าเสียหายเดือนละ ๑๐๐ บาท  แต่วันฟ้องจนกว่าจะออกจากห้องพิพาท   นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาข้อกฎหมายว่า  สัญญาเช่าที่ดินซึ่งนายสงัดทำไว้  เมื่อนายสงัดถึงแก่กรรมย่อมระงับไป  โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า  โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยทั้งสามออกไปจากห้องพิพาท  มิได้ขอให้ขับไล่จำเลยออกไปจากที่ดินซึ่งนายสงัดเช่ามาโดยตรง  แม้จะมีผลให้จำเลยต้องออกไปจากที่ดินดังกล่าวด้วย  ก็ไม่ทำให้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย  สัญญาเช่าที่ดินซึ่งนายสงัดทำไว้จะมีผลเป็นประการใดเป็นเรื่องระหว่างผู้เช่ากับผู้ให้เช่า  ไม่เกี่ยวกับจำเลย  ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

