คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2380/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เช็คพิพาทได้ถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินครั้งแรก เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2515 ผู้ทรงเช็คในขณะนั้นทราบเรื่องแต่ได้สลักหลังโอนเช็คให้โจทก์ โจทก์นำไปขึ้นเงินและถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินอีกครั้ง เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2515 ต้องถือว่าวันที่ 14 เมษายน 2515 เป็นวันที่ความผิดได้เกิดขึ้น และเป็นวันรู้เรื่องการกระทำผิด เมื่อโจทก์นำเช็คดังกล่าวมาฟ้องคดีในวันที่ 1 สิงหาคม 2515 เป็นเวลาเกินกว่าสามเดือน คดีของโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 แม้โจทก์จะเป็นผู้ทรงเช็คภายหลังก็ตาม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้เพิ่มเติมฟ้องว่า ประมาณวันที่ ๓๑ มีนาคม ถึง ๒๐ มิถุนายน ๒๕๑๕ วันใดไม่ปรากฏชัด เวลากลางวัน จำเลยสั่งจ่ายเช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาราชวัตร หมายเลขเช็คที่ ๗๙๐๘๔๙ สั่งจ่ายเงินจำนวน ๒๐,๐๐๐ บาท ลงวันที่สั่งจ่ายวันที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๑๕ มอบให้ผู้อื่นเป็นการชำระหนี้ ต่อมาเมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๑๕ เวลากลางวัน นายบรรยง ถิรคุณโกวิท ได้เซ็นชื่อสลักหลักโอนเช็คดังกล่าวให้โจทก์เพื่อเป็นการชำระหนี้ และในวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๑๕ โจทก์นำเช็คดังกล่าวเข้าบัญชีของโจทก์ที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาราชวิถี เพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็คให้โจทก์ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาราชวัตร ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค เมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๑๕ โดยให้เหตุผลว่า “บัญชีปิดแล้ว” ทั้งนี้ ตามวันเวลาดังกล่าว จำเลยได้สั่งจ่ายเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น และออกเช็คโดยในขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ในขณะที่ออกเช็คนั้น และจำเลยได้ถอนเงินออกจากบัญชีอันพึงจะใช้เงินตามเช็คจนไม่มีเงินเหลือพอจะใช้เงินตามเช็ค และออกเช็คโดยในขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งว่าคดีมีมูลให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา
จำเลยให้การปฏิเสธ และว่าคดีโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า เช็คตามฟ้องเป็นเช็คที่จำเลยออกเพื่อชำระหนี้เงินมัดจำในการซื้อขายที่ดิน และว่าคดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๖ โจทก์ได้ร้องทุกข์หรือฟ้องคดีนี้ภายในสามเดือนนับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน พิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คฉบับพิพาท แล้วตั้งแต่วันที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๑๕ ถือว่าความผิดได้เกิดขึ้นและเป็นวันที่รู้เรื่องการกระทำผิด คือการออกเช็คโดยไม่มีเงินในบัญชีพอจ่าย และรู้ตัวผู้กระทำผิดแล้ว อายุความจึงต้องเริ่มนับทันทีแต่วันนั้น เมื่อนับถึงวันที่โจทก์ฟ้องคดีนี้คือวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๑๕ เป็นเวลาเกินกว่าสามเดือน และก่อนฟ้องคดีนี้มิได้มีการร้องทุกข์ คดีของโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๖ จะถือเอาการที่โจทก์เป็นผู้รับโอนเช็คมาเป็นเหตุให้ยังไม่เริ่มนับอายุความแต่วันกระทำผิด ซึ่งจะเป็นโทษแก่จำเลยนั้นไม่ได้ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เช็คฉบับพิพาทได้ถูกธนาคารกรุงเทพจำกัด สาขาราชวัตร ปฏิเสธการจ่ายเงินมาก่อนถึงสองครั้งแล้ว คือครั้งแรก เมื่อวันที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๑๕ ซึ่งธนาคารปฏิเสธว่า “ยังรอเรียกเก็บเงินอยู่ โปรดนำมายื่นใหม่” ครั้งที่สองเมื่อวันที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๑๕ ซึ่งธนาคารปฏิเสธว่า “โปรดติดต่อผู้สั่งจ่าย” และขณะนั้นนายบรรยงเป็นผู้ทรงเช็ค ปรากฏตามเอกสาร ล.๑ และ ล.๓ ต่อมานายบรรยงสลักหลังเช็คพิพาทโอนให้โจทก์ โจทก์นำไปขึ้นเงินและถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินอีกเมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๑๕ เช่นนี้ เห็นได้ว่าธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คฉบับพิพาทแล้วตั้งแต่วันที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๑๕ ความผิดได้เกิดขึ้นและเป็นวันรู้เรื่องการกระทำผิด คือการออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น หรือออกเช็คโดยในขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ หรือจำเลยได้ถอนเงินจากบัญชีอันพึงจะใช้เงินตามเช็คจนไม่มีเงินเหลือพอที่จะใช้เงินตามเช็คหรือออกเช็คโดยในขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ และรู้ตัวผู้กระทำผิดแล้ว เมื่อนับถึงวันที่โจทก์ฟ้องคดีนี้ คือ วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๑๕ เป็นเวลาเกินกว่าสามเดือน คดีของโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๖ แม้โจทก์จะเป็นผู้ทรงเช็คภายหลังก็ตาม ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความนั้น ชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share