คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1975/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค เกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินตามเช็คนั้น วันที่โจทก์ (ผู้ทรงเช็ค) ลองนำเช็คพิพาทหนึ่งฉบับไปขอขึ้นเงินเพื่อดูว่าเช็คจะมีเงินหรือไม่ และผู้จัดการธนาคารแจ้งว่าให้นำเช็คมาขึ้นเงินในตอนบ่าย เพราะจำเลย (ผู้สั่งจ่าย) จะนำดร๊าฟท์มาเข้าบัญชีในตอนบ่าย หาใช่เป็นการที่ธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินตามเช็คนั้นไม่ ในวันดังกล่าวความผิดของจำเลยจึงยังไม่เกิด ความของจำเลยเกิดเมื่อวันที่โจทก์นำเช็คพิพาทไปขึ้นเงิน และธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินตามเช็คนั้น ซึ่งเป็นวันที่เริ่มนับอายุความฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 8/2517)

ย่อยาว

คดีทั้งสามสำนวนนี้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกัน โจทก์ฟ้องว่าจำเลยออกเช็คให้โจทก์ ๓ ฉบับ เพื่อชำระหนี้ เช็คดังกล่าวขึ้นเงินไม่ได้ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งว่าคดีมีมูล
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓ ให้จำคุกจำเลย ๑ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีของโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๖ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่วินิจฉัยว่า ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค เกิดขึ้นเมื่อธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินตามเช็คนั้น วันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๑๔ ที่โจทก์ให้นางสาวอมรลองนำเช็คพิพาทหนึ่งฉบับไปขอขึ้นเงิน เพื่อดูว่าเช็คจะมีเงินหรือไม่ และผู้จัดการธนาคารแจ้งว่าให้นำเช็คมาขึ้นเงินในตอนบ่ายเพราะจำเลยจะนำดร๊าฟท์มาเข้าบัญชีในตอนบ่ายนั้น หาใช่เป็นการที่ธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินตามเช็คนั้นไม่ ในวันดังกล่าวความผิดของจำเลยจึงยังไม่เกิด ความผิดของจำเลยเกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๑๕ อันเป็นวันที่โจทก์นำเช็คพิพาทไปขึ้นเงินและธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินตามเช็คนั้น ซึ่งอายุความเริ่มนับตั้งแต่วันดังกล่าว โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ ๕, ๘ และ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๑๕ ตามลำดับคดีโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๖
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share