คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1614/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นพนักงานของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอันเป็นองค์การของรัฐ ใช้อำนาจในหน้าที่เบียดบังยักยอกเอาเงินค่ากระแสไฟฟ้าที่จำเลยรับไว้โดยทุจริต ย่อมมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 4 เพียงมาตราเดียวไม่ผิดตามมาตรา 8 ด้วย เพราะเป็นการเบียดบังตัวทรัพย์ที่อยู่ในหน้าที่ไว้เป็นประโยชน์ มิใช่อาศัยหน้าที่หาประโยชน์อื่นนอกเหนือจากการเบียดบังเอาทรัพย์ และกรณีดังกล่าวไม่จำต้องปรับบทด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 อีก
ใบเสร็จรับเงินของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่ถูกทำปลอมขึ้น เพื่อให้หลงเชื่อว่าเป็นใบเสร็จที่แท้จริง อันอาจนำไปเรียกเก็บเงินซ้ำอีกได้นั้น แม้จะมิได้มีการลงชื่อในช่องพนักงานเก็บเงินว่าได้รับเงินไว้ถูกต้องแล้วก็ตาม ย่อมเป็นเอกสารสิทธิแต่มิใช่เอกสารราชการ จำเลยผู้ทำปลอมขึ้นต้องมีความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 การกระทำของจำเลยไม่เป็นผิดตามมาตรา 266 และกรณีไม่จำต้องปรับบทด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 อีก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นพนักงานของการไฟฟ้าจังหวัดลพบุรีสังกัดการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐได้รับเงินเดือนประจำของการไฟฟ้าจังหวัดลพบุรี และได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งพนักงานบัญชีประจำการไฟฟ้าจังหวัดลพบุรีมีหน้าที่จัดเก็บเงินเปิดบัญชี นำเงินสดฝากธนาคาร รับผิดชอบในตัวเงินสดและเงินฝากเก็บรักษาสมุดบัญชี เอกสารต่าง ๆ เกี่ยวด้วยการเงิน ทำบัญชีเงินสดแสดงรายรับรายจ่ายเงินฝาก ออกใบรับเงินและรับเงินทุกประเภทเก็บเงินค่าประกันการใช้กระแสไฟฟ้าค่าธรรมเนียมต่อไฟ วางใบแจ้งหนี้และรับเงินด้วยตนเองในกรณีผู้ใช้กระแสไฟฟ้าเป็นสถานที่ราชการนำเงินรายได้ส่งต่อการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ส่งใบสำคัญคู่จ่ายจัดทำสมุดยอดเงินทุนหมุนเวียนทำสมุดทะเบียนคุมลูกหนี้ทำสมุดคุมทะเบียนค่าประกันการใช้กระแสไฟฟ้า และทำสมุดจ่ายใบรับเงินจำเลยรับเงินค่ากระแสไฟฟ้าจากหน่วยราชการต่าง ๆ รวม ๑๔ รายการเป็นเงิน ๓๘๕,๖๕๐.๑๕ บาท เมื่อจำเลยรับไว้แล้วได้ใช้อำนาจในหน้าที่เบียดบังยักยอกเอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวของจำเลยเสียโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และการไฟฟ้าจังหวัดลพบุรี และจำเลยปลอมใบเสร็จรับเงินค่ากระแสไฟฟ้าของการไฟฟ้าจังหวัดลพบุรีรวม ๑๑ ฉบับ โดยกรอกข้อความลงในแบบพิมพ์ใบรับเงินที่แท้จริงแทนที่ใบเสร็จรับเงินฉบับเดิมที่แท้จริงอันจำเลยได้นำไปเก็บเงินแล้วจากหน่วยราชการที่เป็นลูกหนี้รวม ๑๑ รายการ ทั้งนี้โดยจำเลยปลอมใบเสร็จรับเงินอันอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลย ซึ่งเป็นการปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ เพื่อแสดงให้เห็นว่าใบเสร็จรับเงินที่จำเลยกระทำขึ้นเป็นใบเสร็จที่แท้จริง โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและการไฟฟ้าจังหวัดลพบุรี ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๔, ๘ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๔, ๒๖๕, ๒๖๖, ๓๕๒ ขอให้จำเลยคืนหรือใช้เงินจำนวน ๓๘๕,๖๕๐.๑๕ บาท แก่ผู้เสียหายด้วย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นอนุญาตให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการ
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยเก็บเงินค่ากระแสไฟฟ้าจากหน่วยราชการแล้วทุจริตเบียดบังยักยอกไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว และทำใบเสร็จรับเงินค่ากระแสไฟฟ้าปลอมขึ้น เพื่อหลอกลวงให้หลงเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริงและเพื่อปิดบังว่ายังมิได้เก็บเงินมาพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๔, ๘ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๔, ๒๖๕, ๒๖๖, ๓๕๒ ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๘ ซึ่งเป็นกระทงหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ ให้จำคุกไว้มีกำหนด ๑๕ ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน ๓๘๕,๖๕๐.๑๕ บาท แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเจ้าทรัพย์ด้วย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยเป็นพนักงานบัญชีของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้เบียดบังยักยอกเงินค่ากระแสไฟฟ้าที่รับมาไว้เป็นประโยชน์ของตนโดยทุจริตเงินค่ากระแสไฟฟ้าดังกล่าวได้ออกใบเสร็จให้แก่ผู้ชำระเงินแล้วตามเอกสาร จ.๑๖ ถึง จ.๒๖ และ จ.๓๐ ถึง จ.๓๒ แล้วจำเลยได้ทำใบเสร็จขึ้นใหม่ตามเอกสาร จ.๕ ถึง ๑๕ เพื่อเรียกเก็บเงินซ้ำกับใบเสร็จหมาย จ.๑๖ ถึง ๒๖ อีกและวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า สำหรับใบเสร็จเอกสารหมาย จ.๕ ถึง จ.๑๕ ปรากฏว่าจำเลยเขียนขึ้นในแบบพิมพ์ใบเสร็จรับเงินค่ากระแสไฟฟ้าที่แท้จริงโดยกรอกรายการครบถ้วนว่า เป็นค่ากระแสไฟฟ้าของเดือนใดจำนวนหน่วยที่ใช้ จำนวนเงินเท่าใด และลงชื่อจำเลยในตำแหน่งพนักงานบัญชีแทนสมุหบัญชีทุกฉบับ เพียงเท่านี้พอถือได้ว่าเป็นเอกสารสิทธิแล้วส่วนการที่จำเลยยังไม่ได้ลงชื่อในช่องพนักงานเก็บเงินว่าได้รับเงินไว้ถูกต้องแล้ว ก็เมื่อเจตนาของจำเลยประสงค์จะแสดงให้เห็นว่าเป็นใบเสร็จที่ยังค้างเก็บเงิน จำเลยย่อมลงชื่อรับเงินไว้ล่วงหน้าไม่ได้อยู่เอง สภาพแห่งเอกสารบ่งชัดว่าเป็นการปลอมเพื่อให้ผู้อื่นหลงเชื่อว่าเป็นใบเสร็จที่แท้จริงอยู่แล้ว ดังนั้น จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิ
ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยต้องกันให้ลงโทษจำเลยนั้น ชอบแล้วฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
แต่ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลล่างทั้งสองปรับบทลงโทษจำเลยยังไม่ถูกต้องกล่าวคือความผิดของจำเลยเป็นเรื่องพนักงานสังกัดการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอันเป็นองค์การของรัฐเบียดบังเงินค่ากระแสไฟฟ้าที่จำเลยมีหน้าที่รับและเก็บรักษาเพื่อฝากธนาคารหรือซื้อดราฟท์เอาไปเป็นประโยชน์ของตนโดยทุจริตจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๔ เพียงมาตราเดียว เพราะเป็นการเบียดบังตัวทรัพย์ที่อยู่ในหน้าที่ ส่วนความผิดตามมาตรา ๘ เป็นเรื่องที่ผู้กระทำมิได้เอาตัวทรัพย์ที่อยู่ในหน้าที่ไว้เป็นประโยชน์หากแต่อาศัยหน้าที่หาประโยชน์อื่นนอกเหนือจากการเบียดบังเอาทรัพย์อีกประการหนึ่งใบเสร็จรับเงินค่ากระแสไฟฟ้าของการไฟฟ้าจังหวัดลพบุรีตามเอกสารหมาย จ.๕ ถึง จ.๑๕ แม้จะเป็นการปลอมเอกสารสิทธิ แต่ก็ไม่ใช่ปลอมเอกสารราชการ เพราะจำเลยไม่อยู่ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานตามบทนิยามมาตรา ๑(๘) แห่งประมวลกฎหมายอาญา ทั้งการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจเช่น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่ราชการในฐานะเป็นหน่วยราชการของรัฐแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๖ เหตุนี้ ศาลฎีกาชอบที่จะปรับบทเสียให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้ ว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๔ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๕ ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๔ ซึ่งเป็นกระทงหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑นอกจากที่แก้นี้แล้วคงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share