แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกระทำละเมิดโดยใช้ขวานทำร้ายร่างกายโจทก์จนเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายสาหัส เนื่องจากจำเลยถูกโจทก์ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม กล่าวคือโจทก์ได้ด่าจำเลยด้วยถ้อยคำหยาบคายและพาดพิงไปถึงบิดามารดาจำเลย ดังนี้ ถือว่าความเสียหายได้เกิดขึ้นเพราะความผิดของโจทก์ประกอบด้วย ตามนัยบทบัญญัติมาตรา 442 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งให้นำบทบัญญัติมาตรา 223ใช้บังคับโดยอนุโลม ศาลจึงมีอำนาจลดจำนวนค่าเสียหายลงได้ตามสมควรแก่พฤติการณ์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้ขวานตีและพัน โจทก์ได้รับอันตรายสาหัสโดยเจตนาฆ่า ศาลได้พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๗, ๗๒ ให้จำคุก ๕ เดือน คดีถึงที่สุดแล้ว การกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล ต้องจ้างเหมารถยนต์ไปโรงพยาบาลจ้างนางพยาบาลพิเศษเฝ้าโจทก์ และโจทก์ขาดประโยชน์รายได้จากการจำหน่ายยาจึงขอให้จำเลยใช้ค่ารักษาพยาบาล ค่าสินไหมทดแทนรวมเป็นเงิน ๓๗,๒๐๐ บาทกับดอกเบี้ยร้อยละ ๗ ครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้อง
จำเลยให้การว่า ทำร้ายโจทก์เพราะบันดาลโทสะ ถูกโจทก์ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุไม่เป็นธรรม จึงไม่ต้องรับผิด โจทก์ไม่ได้เสียหายดังฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เป็นเงิน๑๒,๙๕๐ บาทกับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ขอให้จำเลยรับผิดเต็มตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์ในเรื่องเงินค่าเสียหาย และอุทธรณ์ว่าโจทก์เป็นต้นเหตุก่อให้เกิดความเสียหายด้วย จึงไม่ควรใช้ค่าเสียหาย หรือมิฉะนั้นก็ต้องลดลงไป
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า แม้โจทก์จะเป็นฝ่ายด่าว่าจำเลยจะพาดพิงไปถึง บิดามารดาจำเลย อันเป็นการข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยจึงบันดาลโทสะทำร้ายโจทก์ก็ตาม ก็ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้ทำละเมิด ต่อจำเลยตามมาตรา ๔๔๒,๒๒๓ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อโต้เถียงของจำเลยในเรื่องค่าสินไหมทดแทนนั้นฟังไม่ขึ้น แต่เหตุที่จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามคำชี้ขาดของศาลอุทธรณ์ในคดีอาญาว่า จำเลยได้ทำร้ายโจทก์เพราะบันดาลโทสะ โดยถูกโจทก์ข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมกล่าวคือ โจทก์ได้ด่าจำเลยด้วยถ้อยคำหยาบคายและพาดพิงไปถึงบิดามารดาจำเลย ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ความเสียหายในกรณีเช่นนี้ได้เกิดขึ้นเพราะความผิดของโจทก์ประกอบด้วย ตามนัยบทบัญญัติมาตรา ๔๔๒แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งให้นำบทบัญญัติมาตรา ๒๒๓มาใช้บังคับโดยอนุโลม ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่ากรณีไม่เข้าความหมายของบทบัญญัติดังกล่าว ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้น
ค่าสินไหมทดแทนที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยให้จำเลยรับผิดรวม๑๒,๙๕๐ บาท จึงควรต้องลดลงตามสมควร เมื่อได้พิเคราะห์ถึงพฤติการณ์ทั้งปวง โดยคำนึงถึงความเสียหายที่โจทก์มีส่วนผิดอยู่ด้วย ตลอดจนความร้ายแรงแห่งละเมิดแล้วควรกำหนดให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นจำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท ที่จำเลยกล่าวไว้ในฎีกาด้วยว่าจำเลยไม่ควรเสียดอกเบี้ยนั้น ไม่มีเหตุผลแต่ประการใด ศาลล่างทั้งสองให้คิดดอกเบี้ยชอบแล้ว
ค่าฤชาธรรมเนียมที่ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยใช้แทนโจทก์ก็สมควรแล้วเว้นแต่ค่าขึ้นศาล ควรเปลี่ยนแปลงให้จำเลยใช้แทนโจทก์เท่าที่โจทก์ชนะคดีในชั้นที่สุด
พิพากษาแก้ ว่าให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์รวม ๑๐,๐๐๐ บาท กับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ค่าฤชาธรรมเนียมที่จำเลยจะต้องใช้แทนโจทก์ในศาลชั้นต้นเฉพาะค่าขึ้นศาล คงให้จำเลยใช้แทนเพียงเท่าที่โจทก์ชนะคดีในชั้นฎีกานอกจากที่แก้นี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ