คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1074/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ซื้อที่นามือเปล่าได้จากการขายทอดตลาดของศาลศาลได้ทำหนังสือถึงนายอำเภอมอบให้โจทก์เพื่อนำไปให้อำเภอทำสัญญาซื้อขายให้ แต่โจทก์ก็มิได้นำหนังสือของศาลไปให้อำเภอทำสัญญาซื้อขายแต่อย่างใด ส่วนที่นานั้นโจทก์คงปล่อยทิ้งร้างไว้มิได้เข้าครอบครองเลยหลังจากโจทก์ซื้อแล้ว จำเลยได้เข้าครอบครองที่นานั้นติดต่อกันมาเป็นเวลา 4 ปี ดังนี้ จำเลยย่อมได้ไปซึ่งสิทธิครอบครอง โจทก์จะฟ้องขับไล่จำเลยมิได้ และโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดจากจำเลย

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน ส.ค.๑ หนึ่งแปลงซื้อมาจากการขายทอดตลาดของศาลเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๔ โดยศาลได้ทำหนังสือถึงนายอำเภอมอบให้โจทก์เพื่อนำไปให้อำเภอทำสัญญาซื้อขายให้ ต่อมา พ.ศ. ๒๕๐๙โจทก์นำหนังสือของศาลดังกล่าวไปขอให้เจ้าพนักงานที่ดินทำการซื้อขายให้เจ้าพนักงานที่ดินแจ้งว่าต้องรังวัดออกหนังสือ น.ส.๓ เสียก่อนจึงจะทำการซื้อขายได้ และต้องให้ผู้มีชื่อใน ส.ค.๑ ไปแสดงตนยื่นคำขอด้วย โจทก์จึงขอให้จำเลยที่ ๑ ไปยื่นคำขอด้วย เพราะจำเลยที่ ๑ มีชื่อรวมอยู่ใน ส.ค.๑ ด้วยจำเลยที่ ๑ ไม่ยอม และท้าให้โจทก์ฟ้อง พ.ศ. ๒๕๐๙ จำเลยทั้งสองบุกรุกเข้าทำนาในที่ดินของโจทก์ ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้บังคับจำเลยที่ ๑ ไปยื่นคำขอรังวัดที่ดินเพื่อให้เจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดออก น.ส.๓ แล้วทำสัญญาซื้อขายตามหนังสือของศาล และให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย
จำเลยที่ ๑ ให้การและฟ้องแย้งว่า เมื่อโจทก์ซื้อที่ดินดังกล่าวจากการขายทอดตลาดของศาลแล้ว โจทก์ทิ้งร้างมาจนถึงปี พ.ศ. ๒๕๐๖ จำเลยที่ ๑ จึงได้ครอบครองทำนาในที่ดินของโจทก์ตลอดมาจนทุกวันนี้ด้วยความสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ทั้งโจทก์มิได้ฟ้องภายในกำหนด ๑ ปี นับแต่วันที่จำเลยที่ ๑ แย่งการครอบครอง คดีของโจทก์ขาดอายุความฟ้องร้องขอให้พิพากษาว่าที่ดินตาม ส.ค.๑ ตกเป็นสิทธิของจำเลยที่ ๑ โดยการครอบครอง
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า ตั้งแต่ที่ดินของจำเลยที่ ๒ ถูกขายทอดตลาดแล้วจำเลยที่ ๒ มิได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับที่ดินนั้นเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า เมื่อโจทก์ซื้อที่ดินมาแล้วก็ได้ให้ผู้มีชื่อเช่าทำมาทุกปี พ.ศ. ๒๕๐๖ จำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นภรรยาจำเลยที่ ๑ เช่าทำหนึ่งปี พ.ศ. ๒๕๐๗จำเลยที่ ๒ ขอเช่าทำอีกสี่ปี พ.ศ. ๒๕๐๙ โจทก์ขอให้จำเลยที่ ๑ ไปยื่นคำขอเพื่อออก น.ส.๓ จำเลยที่ ๑ ไม่ยอม โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาเช่ากับจำเลยที่ ๒ จำเลยทั้งสองไม่เชื่อฟัง บุกรุกทำนาของโจทก์ในปี พ.ศ. ๒๕๐๙ เป็นต้นมา
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยที่ ๑ ได้แย่งครอบครองนาพิพาทตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๖ ตลอดมา โจทก์เพิ่งมาฟ้องเกิน ๑ ปีแล้ว ขาดอายุความฟ้องร้อง พิพากษายกฟ้องโจทก์จำเลยที่ ๑ ได้สิทธิครอบครองนาพิพาท
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยที่ ๒ เช่นนาพิพาททำ และจำเลยที่ ๑ ทำนาพิพาทโดยอาศัยสิทธิการเช่าจากจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๑ ท้าให้ฟ้องในฤดูทำนา พ.ศ. ๒๕๐๙ โจทก์ฟ้องคดีต้นฤดูทำนา พ.ศ. ๒๕๑๐ ยังไม่เกิน ๑ ปีคดีไม่ขาดอายุความ ส่วนการขอให้ออก น.ส.๓ เป็นหน้าที่ของผู้ครอบครองที่ดินจะดำเนินการตามประมวลกฎหมายที่ดินได้อยู่แล้ว พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินพิพาทของโจทก์ และให้ใช้ค่าเสียหาย
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ซื้อนาพิพาทจากการขายทอดตลาดของศาลแล้วทิ้งร้างไว้ ต่อมาจำเลยที่ ๑ ได้เข้าครอบครองทำนาพิพาทโดยความสงบเปิดเผย และด้วยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นเวลา ๔ ปี จำเลยที่ ๑จึงได้สิทธิครอบครอง ส่วนโจทก์ไม่ได้ครอบครองนาพิพาทเลยตั้งแต่ซื้อมาจึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเอาค่าเสียหายจากจำเลยเพราะจำเลยมิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ดังฟ้อง
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share