แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายบุกรุกขึ้นไปบนบ้านและเข้าไปในห้องนอนของจำเลยซึ่งเป็นหญิงที่อยู่บ้านแต่ลำพังคนเดียวในเวลาวิกาลและมืดเมื่อจำเลยวิ่งหนีออกมา ผู้ตายก็เข้ากอดปล้ำจนกระทำมิดีมิร้ายจำเลยจำเลยจึงใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตายไปในขณะนั้นเพื่อให้ปล่อยผู้ตายไม่ปล่อย จำเลยแทงซ้ำจนผู้ตายปล่อยจำเลย เป็นบาดแผลที่หน้าอก 2 แผล ที่ชายโครง 3 แผล ลึก 2 เซ็นติเมตร ผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ เป็นการกระทำป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๑๒ เวลากลางคืน จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงนายชู ใจดี โดยเจตนาฆ่า และนายชูถึงแก่ความตายเหตุเกิดที่ตำบลท่าไม้รวก อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ริบมีดของกลาง
จำเลยให้การว่าแทงผู้ตายเพื่อป้องกันตนและทรัพย์สิน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยกระทำป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๖๙ จำคุก ๑ ปี มีดของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๘ พิพากษากลับ ยกฟ้องโจทก์มีดของกลางริบ
โจทก์ฎีกา
ปัญหาในชั้นฎีกามีว่า เป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุหรือไม่ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ตายได้บุกรุกเข้าไปในห้องนอนของจำเลยซึ่งเป็นผู้หญิงในเวลากลางคืนในขณะที่จำเลยอยู่ลำพังผู้เดียว เข้ากอดปล้ำขัดขาจำเลยอันเป็นการส่อแสดงว่าจะกระทำมิดีมิร้ายแก่จำเลย เมื่อจำเลยใช้มีดแทงผู้ตายเพื่อให้ปล่อย ผู้ตายก็ไม่ยอมปล่อย จำเลยจึงแทงซ้ำ พอผู้ตายปล่อยจำเลย จำเลยก็มิได้แทงผู้ตายต่อไปอีก การกระทำของผู้ตายเห็นได้ชัดแล้วว่าเป็นการประสงค์ร้ายแก่จำเลย จำเลยซึ่งตกอยู่ในภาวะเหตุการณ์ฉุกละหุกเช่นนั้น จำเลยย่อมไม่มีเวลาที่จะคิดเป็นอย่างอื่นได้ นอกจากจะป้องกันตัวให้พ้นภัยจากการกระทำของผู้ตายซึ่งย่อมจะแข็งแรงกว่าที่เข้าปลุกปล้ำล่วงเกินตนอยู่ อีกประการหนึ่งการที่จำเลยแทงผู้ตายไปในขณะปลุกปล้ำติดพันกันดังกล่าว จำเลยไม่มีโอกาสที่จะเลือกแทงผู้ตายให้ถูกในที่สำคัญได้ นอกจากจะกระทำไปเพื่อหยุดยั้งการกระทำของผู้ตายเท่านั้น ฉะนั้น การที่จำเลยแทงผู้ตายตามพฤติการณ์ดังกล่าว จึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๘ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
จึงพิพากษายืน ให้ยกฟ้องโจทก์