แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างขับรถของกรมชลประทานจำเลยที่ 2 ไปส่งนายช่างลงที่ที่ทำการของจำเลยที่ 2 ตามคำสั่งของหัวหน้างานของจำเลยที่ 2 แล้วไม่เอารถเก็บเข้าอู่ แต่ขับรถไปรับประทานอาหารเสร็จแล้วขับรถเพื่อจะไปเก็บที่อู่รถของจำเลยที่ 2 ก็เกิดเหตุขึ้นเช่นนี้ ถือว่ายังอยู่ในทางการที่จ้าง จำเลยที่ 2 เป็นนายจ้างต้องร่วมรับผิดในทางการที่จำเลยที่ 1 ไปกระทำการละเมิดด้วย
ย่อยาว
โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ได้ขับรถจี๊ปเล็กของกรมชลประทานจำเลยที่ ๒ โดยประมาท ชนรถยนต์ของโจทก์ที่ ๑ เสียหายและโจทก์ที่ ๒, ๓ และ ๔ ได้รับบาดเจ็บ ขอให้จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ใช้ค่าเสียหาย
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การและพิจารณา
จำเลยที่ ๒ ให้การว่าจำเลยที่ ๑ ขับรถไปโดยพลการ ไม่ใช่เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามทางการที่จ้าง ขอให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยที่ ๑ ขับรถโดยประมาท ชนรถโจทก์เสียหายจริงดังฟ้อง แต่ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ ๑ ไม่ได้ขับรถไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๒ จึงไม่ต้องรับผิด พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๒
โจทก์ทั้งสองสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยที่ ๒ ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสี่คน
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างขับรถของกรมชลประทานจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๑ ได้รับคำสั่งจากหัวหน้างานของจำเลยที่ ๒ ให้ขับรถจี๊ปคันเกิดเหตุส่งนายช่างชลประทานไปตรวจราชการที่จังหวัดสุพรรณบุรี ตั้งแต่วันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๐๙ จำเลยที่ ๑ ได้ปฏิบัติราชการอยู่จนถึงวันที่ ๒๖ เดือนเดียวกัน จึงได้ขับรถคันเกิดเหตุกลับมาส่งนายช่างที่กรมชลประทานเมื่อเวลา ๑๘.๐๐ นาฬิกา เมื่อส่งแล้วจำเลยที่ ๑ ได้ขับรถไปหาอาหารรับประทานที่ตึกแถวถนนปากเกร็ด โดยไม่นำรถเข้าเก็บในอู่เก็บรถในกรมชลประทานตามระเบียบข้อบังคับของจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๑ ดื่มสุราประมาณ ๑๐ นาที จึงขับรถเพื่อจะกลับที่พักในกรมชลประทานก็เกิดเหตุชนกับรถโจทก์เมื่อเวลา ๑๘.๐๐ นาฬิกาเศษ โดยประมาทของจำเลยที่ ๑ จึงเห็นว่าการที่กรมชลประทานจำเลยที่ ๒ได้มอบหมายรถคันเกิดเหตุให้จำเลยที่ ๑ ขับไปนั้น เบื้องแรกก็เพื่อให้จำเลยที่ ๑ ขับไปใช้ในราชการของจำเลยที่ ๒ แสดงว่าจำเลยที่ ๒ ไว้ใจในการปฏิบัติงานของจำเลยที่ ๑ การที่จำเลยที่ ๑ ขับรถกลับมาส่งนายช่างชลประทานที่กรมชลประทานเมื่อเวลา ๑๘.๐๐ นาฬิกา แล้วไม่นำรถเข้าเก็บตามข้อบังคับของจำเลยที่ ๒ แต่ขับรถไปรับประทานอาหารจนเวลา ๑๘.๐๐ นาฬิกาเศษ จึงขับรถกลับที่พักของจำเลยที่ ๑ ซึ่งอยู่ในกรมชลประทานก็เกิดคดีนี้ขึ้นนั้นเห็นได้ว่า เวลาที่เกิดเหตุกับเวลาที่เสร็จการปฏิบัติราชการของจำเลยที่ ๑ ที่พานายช่างมาส่งนั้น เป็นเวลาใกล้ชิดติดต่อกัน จำเลยที่ ๑ ก็พักอยู่ที่บ้านพักของกรมชลประทาน รถก็ต้องเก็บที่อู่เก็บรถในกรมชลประทานจะถือว่าจำเลยที่ ๑ ปฏิบัติฝ่าฝืนข้อบังคับของจำเลยที่ ๒ นำรถไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัวไม่ถนัดนักเพราะเป็นเวลาคาบเกี่ยวกับที่จำเลยที่ ๑ ปฏิบัติราชการของจำเลยที่ ๒ จึงต้องฟังว่าเป็นการกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นนายจ้างจึงต้องร่วมรับผิดในการละเมิดกับจำเลยที่ ๑ ด้วยที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมานั้น ชอบแล้ว
พิพากษายืน