คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 958/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่า จำเลยใช้วาจาขู่เข็ญ หาได้ระบุบ่งชัดไปว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายไม่ จึงไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ แต่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ธรรมดาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยลักทรัพย์ของนายเสบ ปานแตง ไป โดยใช้กำลังประทุษร้ายและขู่เข็ญเด็กชายนุโลม ปานแดง บุตรเจ้าทรัพย์เพื่อความสะดวกเพื่อเอาทรัพย์และปกปิดการกระทำผิด ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙ กับให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปจริง แต่จำเลยมิได้ขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย ไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ และจำเลยขึ้นไปบนบ้านผู้เสียหายโดยถือวิสาสะเป็นการอนุญาตแล้ว คงมีความผิดฐานลักทรัพย์ธรรมดา พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๔ จำคุก ๑ ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่เจ้าทรัพย์ ข้อหานอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ปรึกษาว่า จำเลยพูดกับเด็กชายนุโลมว่า อย่าดังนั่งให้นิ่ง สั่งไม่ให้ตามไปดูจำเลย เมื่อลักกล่องสีขาวออกมาและได้พูดว่า ถ้าบอกพ่อแม่จะกลับมาฆ่า เป็นการทำให้เด็กชายนุโลมกลัวว่าถ้าส่งเสียงเอะอะจะถูกทำร้าย จึงเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๙ วรรค ๒ ให้จำคุกจำเลยไว้ ๓ ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่เด็กชายนุโลมเบิกความว่า จำเลยพูดว่าอย่าดังนั่งให้นิ่ง ออกจากห้องแล้วจำเลยสั่งว่า อย่าบอกพ่อแม่ ถ้าบอกจะกลับมาฆ่า ที่ไม่ได้ไปบอกพ่อแม่ที่ไร่เพราะกลัวจำเลย รวมความแล้วก็พอฟังได้ว่าเด็กชายนุโลมกลัวจำเลยจะทำร้าย แต่ไม่เป็นการแน่ชัดว่าจำเลยจะทำร้ายในทันใดนั้นหรือในเวลาใดต่อมา ดังที่จำเลยว่าจะกลับมาฆ่า ก็เป็นการขู่ว่าจะทำร้ายต่อภายหลัง เมื่อไม่ชัดแจ้งว่า การขู่ว่าจะทำร้ายนั้น เป็นการทำร้ายในทันใดนั้น ก็ยังไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ โดยเฉพาะการขู่เข็ญนี้ โจทก์ก็บรรยายฟ้องเพียงว่า จำเลยใช้วาจาขู่เข็ญ หาได้ระบุบ่งชัดลงไปว่า ในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายไม่
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นทุกประการ

Share