คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 670/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อความในสัญญาเช่าซื้อมีว่า “คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่า หากมีข้อพิพาทใด ๆ เกิดขึ้นเกี่ยวกับสัญญานี้ ให้ดำเนินคดีที่ศาลแพ่ง จังหวัดพระนคร” หมายความว่าคู่สัญญามีความมุ่งหมายเป็นข้อตกลงเฉพาะเรื่องที่ว่า หากข้อพิพาทเกิดขึ้นเกี่ยวกับเรื่องการเช่าซื้อตามสัญญาเป็นเรื่องในทางแพ่งแล้ว ก็ให้เสนอข้อพิพาทนั้นต่อศาลแพ่งเท่านั้น ไม่ได้หมายถึงว่าคู่สัญญาได้ยอมสละสิทธิในการดำเนินคดีอาญาต่อกัน จึงไม่ตัดสิทธิผู้เสียหายที่จะดำเนินคดีในทางอาญากับจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค โดยขณะที่ออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓
จำเลยให้การว่า ได้ออกเช็คเป็นประกันการผ่อนส่งชำระหนี้ค่าเช่าซื้อรถแทร๊กเตอร์ แต่รถที่ซื้อไปใช้การไม่ได้จำเลยขอให้แก้ให้ดี ผู้เสียหายกลับยึดรถและริบเงินมัดจำอ้างว่าผิดสัญญา แล้วมาร้องทุกข์ดำเนินคดีนี้
ศาลอาญาพิจารณาแล้วเห็นว่า ตามสัญญาที่จำเลยอ้างว่า หากมีข้อพิพาทใด ๆ เกิดขึ้นเกี่ยวกับสัญญา ให้ดำเนินคดีที่ศาลแพ่งนั้น หาตัดสิทธิผู้เสียหายที่จะดำเนินคดีทางอาญากับจำเลยไม่ พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอัดเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓ จำคุก ๑ ปี ลดโทษให้ ๑ ใน ๓ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ให้จำคุก ๘ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับเฉพาะฎีกาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อความในสัญญาเช่าซื้อมีว่า “คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าหากมีข้อพิพาทใด ๆ เกิดขึ้นเกี่ยวกับสัญญานี้ ให้ดำเนินคดีที่ศาลแพ่ง จังหวัดพระนคร” หมายความว่า คู่สัญญามีความมุ่งหมายเป็นข้อตกลงเฉพาะเรื่องที่ว่า หากมีข้อพิพาทเกิดขึ้นเกี่ยวกับเรื่องการเช่าซื้อตามสัญญาเป็นเรื่องในทางแพ่งแล้ว ก็ให้เสนอข้อพิพาทนั้นต่อศาลแพ่งเท่านั้น ไม่ได้หมายถึงว่าคู่สัญญาได้ยอมสละสิทธิในการดำเนินคดีอาญาต่อกัน จึงไม่ตัดสิทธิผู้เสียหายที่จะดำเนินคดีในทางอาญากับจำเลย เมื่อผู้เสียหายได้ร้องทุกข์มอบให้เจ้าพนักงานดำเนินคดีแล้วโจทก์ก็มีอำนาจฟ้องคดีได้
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย

Share