คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5852/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีที่จำเลยทำไว้กับโจทก์ได้สิ้นสุดลงแล้ว ไม่ปรากฏรายการเดินสะพัดในบัญชีอันจะเป็นหลักฐานแสดงว่าโจทก์ได้ยอมให้จำเลยเบิกเงินเกินบัญชีต่อไปอีก ทั้งไม่ปรากฏรายการการนำเงินเข้าเพื่อหักทอนหนี้ของยอดเงินที่ยังค้างชำระของฝ่ายจำเลย พฤติการณ์แสดงว่าคู่กรณีทั้งสองฝ่ายให้ถือว่าสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีเป็นอันสิ้นสุดลงตามกำหนดระยะเวลาที่ระบุ ในสัญญา โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะคิดดอกเบี้ยทบต้นโดยอาศัยข้อตกลงตามสัญญาพิพาทได้อีกต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นลูกค้าของธนาคารโจทก์ สาขามหาสารคาม มีบัญชีเงินฝากประเภทกระแสรายวัน ต่อมาวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๒๕ จำเลยได้ทำสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีในวงเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท มีกำหนดระยะเวลา ๑๒ เดือน ยอมให้โจทก์คิดดอกเบี้ยทบต้นอัตราร้อยละ ๑๙ ต่อปี โดยจำเลยจดทะเบียนจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันหนี้ จนถึงวันครบกำหนดสัญญาในวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๒๖ ปรากฏว่าจำเลยได้เบิกเงินเกินบัญชีเป็นจำนวน ๑,๑๕๑,๘๐๕.๙๓ บาท และยังมิได้บอกเลิกสัญญา หลังจากนั้นโจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยเบิกเงินเกินบัญชีอีกต่อไปจึงได้มีหนังสือบอกกล่าวทวงถามให้ชำระหนี้และ บังคับจำนองโดยให้จำเลยชำระหนี้ภายในวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๒๘ แต่จำเลยไม่ชำระ ขอศาลบังคับจำเลยชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยทบต้นถึงวันผิดนัด และดอกเบี้ยไม่ทบต้นจากต้นเงินดังกล่าวจนกว่าจะชำระเสร็จ หากจำเลยไม่ชำระหรือชำระไม่ครบถ้วน ให้ยึดทรัพย์จำนองและทรัพย์สินอื่นออกขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์จนครบ
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขายนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า บัญชีกระแสรายวันของจำเลยได้หยุดเดินสะพัดนับแต่วันสิ้นสุดตามสัญญาเป็นต้นมา โจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นนับแต่วันสิ้นสุดของสัญญา หลังจากนั้นคงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยโดยไม่ทบต้น พิพากษาให้จำเลยชำระเงินพร้อมดอกเบี้ย หากจำเลยไม่ชำระหรือชำระไม่ครบถ้วนให้ยึดทรัพย์จำนองและทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระ หนี้โจทก์จนกว่าจะครบ คำขออื่นของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาว่าโจทก์ในฐานะธนาคารเจ้าหนี้ยังคงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นเป็นรายเดือนนับแต่วันสิ้นสุดของสัญญาจนถึงวันที่่โจทก์บอกเลิกสัญญาซึ่งกำหนดให้จำเลยชำระหนี้ตามจำนวนในบัญชีเดินสะพัดในวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๒๘ ตามที่โจทก์ฎีกาโต้แย้งขึ้นมาหรือไม่นั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่าตามบัญชีกระแสรายวันของจำเลยลูกค้าธนาคารโจทก์รายพิพาทตามเอกสารหมาย จ.๑๐ ไม่ปรากฏรายการเดินสะพัดในบัญชีอันจะเป็นหลักฐานแสดงว่าโจทก์ได้ยอมให้จำเลยลูกค้ารายนี้เบิกเงินเกินบัญชีต่อ ไปอีกนับแต่วันสิ้นสุดของสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีซึ่งมีกำหนดระยะเวลา ๑๒ เดือน นับแต่วันที่ ๗ กันยายน ๒๕๒๕ ทั้งไม่ปรากฏรายการการนำเงินเข้าเพื่อหักทอนหนี้ของยอดเงินที่ยังค้างชำระของฝ่ายจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ พฤติการณ์แสดงว่าคู่กรณีทั้งสองฝ่ายให้ถือว่าสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีเป็นอันสิ้นสุดลงตามกำหนดระยะเวลาที่ระบุใน สัญญาตามเอกสารหมาย จ.๔ และ จ.๑๐ โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะคิดดอกเบี้ยทบต้นโดยอาศัยข้อตกลงตามสัญญาพิพาทได้อีกต่อไป สำหรับคำพิพากษาฎีกาที่ ๓๓๔๙/๒๕๒๕ ที่โจทก์อ้างมาเห็นว่า เป็นกรณีที่ต้องพิจารณาตามพฤติการณ์ในทางปฏิบัติของคู่กรณีเป็นราย ๆ ไปว่า ยังถือว่าประสงค์ให้มีการเดินสะพัดบัญชีกันอีกต่อไปหรือไม่ จึงจะนำมาปรับแก่ข้อเท็จจริงในคดีนี้มิได้คำวินิจฉัยของศาลล่างทั้งสองชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน จำเลยไม่ยื่นคำแก้ฎีกา จึงไม่กำหนดให้โจทก์ใช้ค่าทนายความแทนให้

Share