คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5141/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้จำเลยจะขอทุเลาการบังคับคดีมาแล้ว แต่ศาลชั้นต้นยกคำร้องเพราะจำเลยวางหลักประกันล่วงเลยกำหนดระยะเวลาก็ตามก็ไม่มีกฎหมายห้ามว่าจะขอ ทุเลาการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 231 วรรคแรก อีกไม่ได้
การวินิจฉัยคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีซึ่งอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ เป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์โดยเฉพาะที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คำร้องของจำเลยอยู่ในอำนาจของศาลชั้นต้นที่จะสั่งคำร้อง จะให้ศาลอุทธรณ์สั่งไม่ได้และยกคำร้องของจำเลยนั้น เป็นการไม่ชอบ

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้น พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน ๒๙๗,๔๕๕ บาท ให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ จำเลยทั้งสองอุทธรณ์และยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์สั่งว่าถ้าจำเลยที่ ๑ หรือที่ ๒ คนใดคนหนึ่งหรือร่วมกันหาประกันสำหรับจำนวนเงินที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นพร้อมด้วยดอกเบี้ยมี กำหนด ๓ ปี มาให้จนเป็นที่พอใจและภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ มิฉะนั้นให้ยกคำร้อง ศาลชั้นต้นนัดฟังคำสั่งศาลอุทธรณ์ถึงวันนัดโจทก์มาศาล ทนายจำเลยทราบนัดแล้วไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องให้ทราบ ศาลชั้นต้นอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ให้คู่ความที่มาศาลฟังโดยถือว่าฝ่ายจำเลยทราบคำสั่งแล้วและสั่งให้จำเลยวางเงิน ประกันภายใน ๑ เดือนนับแต่วันสั่งหากพ้นกำหนดนี้ให้ยกคำร้องขอทุเลาการบังคับตามที่ศาลอุทธรณ์สั่ง ต่อมาวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๓๐ โจทก์ยื่นคำร้องว่าล่วงเลยกำหนดเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยหาประกันมาวางศาลแล้ว ขอให้ออกหมายบังคับคดีแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์ของจำเลยศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดี ต่อมาจำเลยที่ ๒ ยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ ๒ เพิ่งทราบคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่ให้จำเลยหาประกันมาวางศาล เมื่อจำเลยที่ ๒ ได้รับคำบังคับเนื่องจากจำเลยที่ ๒ ไม่ได้เป็นผู้เซ็นรับทราบคำสั่ง จำเลยที่ ๒ จึงขอนำหลักทรัพย์เข้าเป็นประกันเพื่อทุเลาการบังคับและงดการบังคับคดีต่อไป ศาลชั้นต้นสั่งว่าคำสั่งของศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับคำร้องขอทุเลาการบังคับของจำเลยถึงที่สุดไปแล้ว ให้ยกคำร้อง จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว ศาลชั้นต้นสั่งว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นที่จำเลยกับพวกยื่นอุทธรณ์คัดค้านเป็นการสั่งสืบเนื่องมาจากที่ศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งไว้อย่างชัดเจนแล้ว ทั้งคำร้องที่ได้สั่งไปนั้น จำเลยกับพวกได้ยื่นต่อศาลชั้นต้น มิได้ยื่นต่อศาลชั้นต้นเพื่อให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่ ที่จำเลยอุทธรณ์ว่าเป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์ที่จะสั่งนั้น ไม่เป็นสาระแก่คดีที่จะให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย จึงไม่รับอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยกับพวก
จำเลยที่ ๒ ยื่นคำร้องขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งให้จำเลยนำหลักทรัพย์เข้าเป็นประกันเพื่อทุเลาการบังคับและงดการบังคับคดี
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า จำเลยที่ ๒ ยื่นคำร้องว่าสมัครใจเข้าเป็นผู้ค้ำประกันหนี้รายนี้ ขอนำหลักทรัพย์เข้าค้ำประกันเพื่อทุเลาการบังคับและงดการบังคับคดีไว้ชั่วคราว กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓๑ วรรคสาม ย่อมอยู่ในอำนาจของศาลชั้นต้นที่จะสั่งคำร้องนี้ จำเลยที่ ๒ จะขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งไม่ได้ ให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ ๒ ฎีกาคำสั่งศาลอุทธรณ์
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ขึ้นมาสู่ศาลฎีกามีว่า คำสั่งของศาลอุทธรณ์ชอบหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าตามคำร้องของจำเลยที่ ๒ ลงวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๓๐ นั้น จำเลยขอนำหลักทรัพย์คือที่ดิน ๒ แปลงเป็นประกันเพื่อขอทุเลาการบังคับคดีจึงถือได้ว่าเป็นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีใหม่ แม้จำเลยที่ ๒ จะขอทุเลาการบังคับคดีมาแล้ว แต่ศาลชั้นต้นยกคำร้องเพราะจำเลยที่ ๒ วางหลักประกันล่วงเลยกำหนดระยะเวลาก็ตาม ก็ไม่มีกฎหมายห้ามว่าจะขอทุเลาการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓๑ วรรคแรกอีกไม่ได้ และการวินิจฉัยคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีซึ่งอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์เป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์โดย เฉพาะดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คำร้องของจำเลยที่ ๒ อยู่ในอำนาจของศาลชั้นต้นที่จะสั่งคำร้อง จะให้ศาลอุทธรณ์สั่งไม่ได้และยกคำร้องของจำเลยที่ ๒ นั้น จึงเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษายกคำสั่งศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีของจำเลยที่ ๒ และมีคำสั่งใหม่

Share