คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4939/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์ไม่ริบรถยนต์ของกลางที่ใช้ขนสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาให้ริบ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นไม่ริบรถยนต์ของกลางตามประสงค์ของจำเลยซึ่งเท่ากับจำเลยเป็นฝ่ายชนะคดีในชั้น อุทธรณ์แล้วแม้จำเลยจะไม่เห็นพ้องด้วยกับเหตุผลในคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ แต่ข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวก็มิได้กระทบกระเทือนต่อสิทธิหรือหน้าที่ของจำเลยประการใดจำเลยจึงไม่มี อำนาจที่จะฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216

ย่อยาว

มูลกรณีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้ริบรถยนต์ของกลางจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่ารถยนต์ของกลางเป็นทรัพย์สินซึ่งจำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิด ศาลมีอำนาจริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓(๑) แต่เห็นว่ายังไม่สมควรริบ พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ริบรถยนต์ของกลาง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยฎีกาว่า ความผิดฐานขนสุราโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ.๒๔๙๓ มาตรา ๑๔ นั้นเป็นความผิดเพราะไม่ได้รับใบอนุญาตขนสุราจากเจ้าพนักงานรถยนต์ของกลางจึงไม่ใช่ทรัพย์สินที่จำเลยใช้ในการกระทำผิด และมาตรา ๓๘ ทวิ แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวก็มิได้กำหนดโทษให้ริบของกลางหรือให้ริบรถยนต์ซึ่งใช้บรรทุกหรือขนสุราด้วย ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่ารถยนต์ของกลางเป็นทรัพย์สินซึ่งจำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดและศาลมีอำนาจริบได้ตามประมวลกฎมายอาญา มาตรา ๓๓(๑) เป็นการไม่ชอบ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้จำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นขอให้ศาลอุทธรณ์ไม่ริบรถยนต์ของกลาง ซึ่งศาลอุทธรณ์ก็ได้พิพากษาแก้เป็นไม่ริบรถยนต์ของกลางตามประสงค์ของจำเลยแล้ว กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือจำเลยเป็นฝ่ายชนะคดีในชั้นอุทธรณ์ แม้จำเลยจะไม่เห็นพ้องด้วยกับเหตุผลในคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์แต่ข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ดังกล่าวก็มิได้ กระทบกระเทือนต่อสิทธิหรือหน้าที่ของจำเลยประการใด จำเลยจึงไม่มีอำนาจที่จะฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๖ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาจำเลย

Share