แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 รับราชการเป็นหัวหน้าฝ่ายการคลังของโจทก์ปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบการเก็บรักษาเงินและการนำเงินส่งคลังของทางราชการ โดยไม่ส่งมอบเงินที่เหลือจ่ายให้แก่คณะกรรมการเก็บรักษาเงิน เพื่อให้เก็บรักษาไว้ในตู้นิรภัยที่โจทก์ได้จัดไว้ให้ซึ่งมีลูกกุญแจ 3 ดอก แต่กลับนำเข้าเก็บไว้ในตู้นิรภัยที่มีลูกกุญแจดอกเดียว ทั้งยังนำลูกกุญแจตู้นิรภัยดังกล่าวไปเก็บไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานของจำเลยที่ 1 เมื่อมีคนร้ายมางัดโต๊ะทำงานของจำเลยที่ 1 และนำลูกกุญแจตู้นิรภัยไปไขตู้นิรภัยลักเอาเงินที่เก็บรักษาไว้ไปได้ ถือได้ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นเกิดขึ้นโดยตรงจากการจงใจหรือประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยที่ 1 จะอ้างเหตุในเรื่องหัวหน้าส่วนราชการไม่ทักท้วงสั่งการแก้ไขการปฏิบัติหน้าที่ที่ผิดระเบียบของเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินให้ถูกต้องมาเป็นเหตุว่าจำเลยที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบแล้วไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่ซึ่งเป็นข้าราชการฝ่ายการคลังของโจทก์ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อ เป็นเหตุให้มีคนร้ายงัดโต๊ะทำงานของจำเลยที่ ๑ เอาลูกกุญแจตู้นิรภัยของจำเลยที่ ๑ ไขตู้นิรภัยที่จำเลยที่ ๑ นำเงินบำนาญและเงินค่ารักษาพยาบาลที่เหลือจ่ายจำนวน ๑๗๐,๕๗๑.๔๐ บาท ของโจทก์ไป ขอให้ศาลบังคับจำเลยทั้งสี่ส่วมกันใช้เงินจำนวน ๑๗๐,๕๗๑.๔๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะใช้เงินเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า สาเหตุที่เงินสูญหายหาใช่เกี่ยวกับจำเลยที่ ๑ ไม่ปฏิบัติตามระเบียบการเก็บรักษาเงินและการนำเงินส่งคลังของส่วนราชการ พ.ศ. ๒๕๒๐ แต่เป็นเพราะมีคนร้ายเข้ามาลักเอาไป ประกอบกับโจทก์ไม่ได้วางมาตรการรักษาความปลอดภัยไว้ให้เหมาะสมเท่าที่ควร ไม่ได้จัดห้องฝ่ายการคลังให้เป็นสัดส่วน ไม่มีลูกกรงเหล็กกั้นตู้นิรภัย จัดให้ฝ่ายการเจ้าหน้าที่มารวมอยู่ในห้องฝ่ายการคลัง การกระทำของโจทก์เป็นการฝ่าฝืนระเบียบการเก็บรักษาเงินฯ ดังกล่าว ถือว่าเป็นการกระทำโดยประมาทของโจทก์เอง
จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔ ให้การว่า เหตุที่เงินตามฟ้องหายไปเพราะมีคนร้ายงัดโต๊ะทำงานของจำเลยที่ ๑ เอาลูกกุญแจไปไขตู้นิรภัยที่เก็บเงินไว้ไป มิได้เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่หรือการกระทำของจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔ จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔ จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงินจำนวน ๑๗๐,๕๗๑.๔๐ บาท ให้แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์อย่างคนอนาถา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกาอย่างคนอนาถา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ ๑ รับราชการในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายการคลัง สำนักงานเลขานุการ กรมอัยการ โจทก์ มีหน้าที่ควบคุมดูแลรับผิดชอบในการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของโจทก์ เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๒๕ จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ได้ไปรับเงินจากธนาคารแห่งประเทศไทยมาจ่ายให้ข้าราชการบำนาญของโจทก์ และจำเลยที่ ๑ นำเงินบำนาญและค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการบำนาญที่ค้างจ่ายในวันนั้นรวมเป็นเงิน ๑๗๐,๕๗๑.๔๐ บาท ไปเก็บไว้ในตู้นิรภัยใบที่มีลูกกุญแจดอกเดียวในห้องทำงานของจำเลยที่ ๑ แล้วนำลูกกุญแจตู้นิรภัยดอกเดียวนั้นเก็บไว้ในโต๊ะทำงานของจำเลยที่ ๑ โดยใส่กุญแจลิ้นชักโต๊ะทำงานไว้แล้วนำลูกกุญแจลิ้นชักโต๊ะทำงานติดตัวกลับบ้านตอนเลิกงานเย็นวันนั้น ในคืนนั้นเองมีคนร้ายเข้าไปงัดลิ้นชักโต๊ะทำงานของจำเลยที่ ๑ นำลูกกุญแจตู้นิรภัยดอกเดียวไปไขตู้นิรภัยเอาเงินจำนวนดังกล่าวที่เก็บไว้ไป ปัญหามีว่าจำเลยที่ ๑ จะต้องรับผิดชดใช้เงินจำนวนดังกล่าวให้แก่โจทก์หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เงินบำนาญและเงินค่ารักษาพยาบาลของราชการบำนาญที่ค้างจ่ายรวมเป็นเงิน ๑๗๐,๕๗๑.๔๐ บาท จำเลยที่ ๑ เป็นผู้เก็บรักษาไว้ เงินจำนวนดังกล่าวจึงอยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ ๑ ซึ่งมีหน้าที่จะต้องดูแลรับผิดชอบแต่ผู้เดียว หากจำเลยที่ ๑ ปฏิบัติหน้าที่ถูกต้องตามระเบียบการเก็บรักษาเงินและการนำเงินส่งคลังของส่วนราชการ พ.ศ. ๒๕๒๐ ข้อ ๕๙ ที่ว่า “เมื่อสิ้นเวลารับจ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่การเงินนำเงินที่จะเก็บรักษาและรายงานเงินคงเหลือประจำวันส่งมอบต่อคณะกรรมการเก็บรักษาเงิน ฯลฯ” เงินจำนวนดังกล่าวก็ไม่สูญหายไป แต่จำเลยที่ ๑ กลับปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบ โดยไม่ส่งมอบเงินให้แก่กรรมการรักษาเงินเพื่อให้เก็บรักษาไว้ในตู้นิรภัยที่โจทก์ได้จัดไว้ ซึ่งมีกุญแจ ๓ ดอก และจำเลยที่ ๑ ได้นำเงินที่จ่ายดังกล่าวเข้าเก็บไว้ในตู้นิรภัยซึ่งมีกุญแจดอกเดียว +ทั้งยังนำลูกกุญแจตู้นิรภัยดังกล่าวไปเก็บไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงานของจำเลยที่ ๑ จึงเป็นการกระทำที่ประมาทปราศจากความระมัดระวังในการเก็บรักษาลูกกุญแจตู้นิรภัย ซึ่งจะต้องเก็บรักษาไว้ในที่ปลอดภัย ซึ่งจำเลยที่ ๑ อาจใช้ความระมัดระวังเช่นนั้นได้ แต่หาได้ใช้เพียงพอไม่ เพราะอย่างน้อยจำเลยที่ ๑ ต้องทราบดีว่าโต๊ะทำงานของจำเลยที่ ๑ ไม่มีความมั่นคงแข็งแรงพอที่จะใช้เป็นที่เก็บรักษากุญแจตู้นิรภัยให้มีความปลอดภัย อาจถูกคนร้ายเข้ามางัดลิ้นชักโต๊ะทำงานนำลูกกุญแจนิรภัยไปไขตู้นิรภัยซึ่งอยู่ใกล้โต๊ะทำงานเอาเงินไป และด้วยเหตุจากความประมาทของจำเลยที่ ๑ เมื่อมีคนร้ายมางัดโต๊ะทำงานของจำเลยที่ ๑ คนร้ายจึงสามารถนำลูกกุญแจตู้นิรภัยไปไขตู้นิรภัยลักเอาเงินที่เก็บรักษาไว้ไปได้ ถือได้ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้เกิดขึ้นโดยตรงจากการจงใจหรือประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ ๑ ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ผิดระเบียบข้อบังคับของทางราชการนับแต่การที่จำเลยที่ ๑ ไม่นำเงินจำนวนที่สูญหายมอบให้คณะกรรมการเก็บรักษาเงินเป็นผู้เก็บรักษาไว้ การกระทำของจำเลยที่ ๑ จึงเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ จำเลยที่ ๑ ต้องรับผิดต่อโจทก์ ที่จำเลยที่ ๑ อ้างว่าได้ใช้ความระมัดระวังในการเก็บรักษาลูกกุญแจตู้นิรภัยดีแล้ว ถ้าหากจำเลยที่ ๑ นำลูกกุญแจตู้นิรภัยกลับบ้านไปด้วยก็อาจถูกคนร้ายชิงทรัพย์ และลูกกุญแจอาจสูญหายไป ซึ่งเคยมีเหตุการณ์ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นกับจำเลยที่ ๑ มาก่อนแล้ว จำเลยที่ ๑ จึงนำลูกกุญแจตู้นิรภัยเก็บซ่อนไว้ในลิ้นชัก โดยได้ใส่กุญแจโต๊ะไว้อีกชั้นหนึ่ง นอกจากนี้โต๊ะทำงานของจำเลยที่ ๑ อยู่ในห้องทำงานของฝ่ายการคลัง มีเวรยามรักษาการณ์อยู่ตลอดเวลา ๒๔ ชั่วโมง เมื่อเลิกงานประตูห้องทำงานก็จะปิดใส่กุญแจไว้นั้น เห็นว่า ข้ออ้างของจำเลยที่ ๑ ไม่อาจรับฟังได้เพราะการเก็บรักษาลูกกุญแจตู้นิรภัยเป็นหน้าที่ของจำเลยที่ ๑ โดยเฉพาะ จำเลยที่ ๑ จะอาศัยเวรยามซึ่งมีหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั่วไปมาอ้างไม่ได้ นอกจากนี้ศาลฎีกายังเห็นว่าถ้าจำเลยที่ ๑ นำลูกกุญแจตู้นิรภัยติดตัวไปด้วยแม้จะถูกคนร้ายชิงทรัพย์ขณะเดินทางเงินที่เก็บรักษาไว้ในตู้นิรภัยก็คงอยู่ครบถ้วนไม่สูญหายไปด้วย ส่วนที่อ้างว่าคนร้ายอาจจะนำลูกกุญแจตู้นิรภัยไปเปิดตู้นิรภัยในห้องทำงานของฝ่ายการคลังได้นั้น ก็ไม่อาจเป็นไปได้เพราะคนร้ายไม่ทราบถึงเรื่องเงินที่จำเลยที่ ๑ เก็บรักษาไว้ แต่ถ้าหากเป็นคนร้ายภายในซึ่งทำงานร่วมกับจำเลยที่ ๑ คนร้ายนั้นต้องใช้เวลาในการนำลูกกุญแจดังกล่าวไปเปิดตู้นิรภัย ทำให้จำเลยที่ ๑ มีเวลาที่จะหาทางป้องกันได้ก่อนที่จะเกิดเหตุร้ายขึ้น ข้ออ้างของจำเลยที่ ๑ จึงรับฟังไม่ได้ ส่วนที่จำเลยที่ ๑ อ้างว่าได้ถือปฏิบัติหน้าที่ของจำเลยที่ ๑ ในการเก็บรักษาเงินไว้เช่นเดียวกับหัวหน้าฝ่ายการคลังคนก่อน ๆ ที่ให้มีการปฏิบัติหลังเวลาปิดบัญชีแล้ว หากมีเงินเหลือจ่ายก็ให้ตัดออกจากบัญชีทั้งหมดโดยถือว่ามีผู้รับไปหมดแล้ว เพื่อความสะดวกแก่ข้าราชการบำนาญที่มาขอรับเงินภายหลังเวลาปิดบัญชีแล้ว กับเพื่อไม่ให้ยุ่งยากต่อการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ฝ่ายการคลังโดยหัวหน้าฝ่ายการคลังคนก่อน ๆ จะนำเงินที่เหลือจ่ายประจำวันไปเก็บไว้ในตู้นิรภัยที่มีกุญแจดอกเดียวและถือลูกกุญแจไว้ และถ้าหากการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวหัวหน้าส่วนราชการเห็นว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับการเก็บรักษาเงินและการนำเงินส่งคลังของส่วนราชการ พ.ศ. ๒๕๒๐ ก็จะต้องสั่งการแก้ไขให้ปฏิบัติให้ถูกต้อง เมื่อไม่มีการทักท้วงหรือสั่งการใด ๆ จึงถือว่าจำเลยที่ ๑ ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบแล้วนั้น เห็นว่า หากมีการปฏิบัติหน้าที่ของหัวหน้าฝ่ายการคลังคนก่อนดังที่จำเลยที่ ๑ อ้าง ก็เป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่ผิดระเบียบข้อบังคับของทางราชการ ซึ่งตามกฎหมายถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อ หากมีความเสียหายเกิดขึ้น หัวหน้าฝ่ายการคลังผู้นั้นต้องเป็นผู้รับผิดชอบเช่นเดียวกัน ส่วนในเรื่องที่หัวหน้าส่วนราชการไม่ทักท้วงสั่งการแก้ไขการปฏิบัติหน้าที่ที่ผิดระเบียบของเจ้าหน้าที่ฝ่ายการคลังให้เป็นไปโดยถูกต้องตาม ข้อ ๗๒ ของระเบียบการเก็บรักษาเงินและการนำเงินส่งคลังของส่วนราชการ พ.ศ. ๒๕๒๐ นั้น เห็นว่า จำเลยที่ ๑ จะอ้างมาเป็นเหตุว่าจำเลยที่ ๑ ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบแล้วไม่ได้ ฎีกาจำเลยที่ ๑ ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน