คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2324/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นลูกจ้างของโจทก์ได้รับเงินคืนประกันอากรของลูกค้าโจทก์คืนจากกรมศุลกากรแล้วยักยอกเสีย จำเลยได้ทำบันทึกตกลงรับสภาพหนี้ไว้แก่โจทก์ว่าจะยอมคืนเงินดังกล่าวและดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่รับเงินคืนจากกรมศุลกากรจนถึงวันที่ชำระแก่โจทก์เสร็จสิ้น บันทึกความตกลงรับสภาพหนี้ดังกล่าวเป็นนิติกรรมซึ่งจำเลยทำขึ้นด้วยความสมัครใจ และไม่ขัดต่อกฎหมายหรือความสงบเรียบร้อยของประชาชนจึงมีผลบังคับได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองเป็นลูกจ้างโจทก์มีหน้าที่รับเงินคืนประกันอากรซึ่งกรมศุลกากรเรียกเก็บจากลูกค้าของโจทก์ในการนำสินค้าเข้า และต่อมาได้คืนให้โดยผ่านทางโจทก์ จำเลยทั้งสองรับเงินมาแล้วเบียดบังเอาเสีย โจทก์ต้องชดใช้เงินให้แก่ลูกค้าพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี จำเลยทั้งสองได้ทำหนังสือยอมรับสภาพหนี้ไว้แก่โจทก์แล้วไม่ชดใช้ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองให้ร่วมกันใช้เงิน ๑๔๙,๗๘๘.๑๖ บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยได้ชดใช้เงินคืนแก่โจทก์แล้วที่โจทก์ไปตกลงชดใช้ค่าเสียหายอีกนั้น จำเลยไม่ได้ยินยอมด้วย โจทก์ชดใช้ค่าเสียหายไปตามอำเภอใจโดยไม่มีหน้าที่ต้องชำระ จึงไม่ผูกพันจำเลย และไม่มีระเบียบว่าจำเลยจะต้องส่งเงินคืนโจทก์เมื่อได้ โจทก์จะเรียกดอกเบี้ยไม่ได้
ในวันนัดพิจารณา คู่ความแถลงรับกันว่า ยอดหนี้ตามฟ้องเหลือเงินต้น ๒,๒๑๑.๓๕ บาท ที่จำเลยทั้งสองยังไม่ได้จ่ายให้จำเลยยอมรับผิดในส่วนนี้สำหรับส่วนที่เหลือเป็นดอกเบี้ยจากจำนวนเงินที่โจทก์ต้องชำระให้แก่ลูกค้าแทนไปก่อนในอัตราร้อยละ๑๕ ต่อปี เป็นเงิน ๑๐๗,๐๓๕.๓๐ บาท ซึ่งจำเลยมิได้ตกลงว่าจะชำระให้ด้วยในการรับสภาพหนี้
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า โจทก์ยอมเสียดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ต่อปีให้แก่ลูกค้าของโจทก์ เป็นการยอมเสียดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดเป็นการจ่ายไปตามอำเภอใจของโจทก์โดยรู้อยู่ว่าไม่มีความผูกพันต้องชำระ จึงฟ้องเรียกจากจำเลยไม่ได้ และโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายไม่ได้เป็นการนอกเหนือจากหนังสือรับสภาพหนี้ พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน ๒,๒๑๑.๐๕ บาทแก่โจทก์คำขออื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า เกี่ยวกับเงินคืนประกันอากรที่จำเลยทั้งสองยักยอกไปนี้ จำเลยทั้งสองได้ทำบันทึกตกลงรับสภาพหนี้ให้ไว้แก่โจทก์ตามเอกสารหมาย จ.๑ ซึ่งความในข้อฉ.ระบุว่า ‘จำนวนเงินคืนประกันอากรซึ่งข้าพเจ้าทั้งสองตกลงยอมรับผิดต่อบริษัท ตามหนังสือฉบับนี้ ข้าพเจ้าทั้งสองตกลงยินยอมชำระดอกเบี้ยให้แก่บริษัทในอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับจากวันที่ข้าพเจ้าทั้งสองรับคืนจากกรมศุลกากร จนถึงวันที่ข้าพเจ้าทั้งสองชำระให้แก่บริษัทเสร็จสิ้น’ บันทึกความตกลงรับสภาพหนี้ดังกล่าวเป็นนิติกรรมซึ่งจำเลยทั้งสองได้ทำขึ้นด้วยความสมัครใจ และไม่ขัดต่อกฎหมายหรือความสงบเรียบร้อยของประชาชน ซึ่งมีผลบังคับได้ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์ได้ชดใช้เงินให้แก่บริษัทลูกค้าของโจทก์ไปโดยคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปีตามที่จำเลยทั้งสองตกลงชำระให้แก่โจทก์เป็นเงิน ๑๐๗,๐๓๕.๓๐ บาท จำเลยทั้งสองจึงต้องร่วมรับผิดชดใช้เงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ดอกเบี้ยจำนวนเงิน ๑๐๗,๐๓๕.๓๐ บาทแก่โจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง.

Share