คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1325/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ตายหยอดเหรียบที่ตู้เพลงในร้านอาหารแต่เพลงไม่ดังเพราะจำเลยทั้งสองกับ ว. และ อ. พวกของจำเลยถอดปลั๊กตู้เพลงออก ผู้ตายจึงขอเงินคืนแล้วเกิดเรื่องกันโดย ว. ใช้มีดแทงผู้ตายหลายครั้ง จำเลยที่ 1 กับ อ. ใช้ขวดสุราตี ส่วนจำเลยที่ 2 ใช้เก้าอี้ตีผู้ตาย ผู้เสียหายเข้าไปห้ามก็ถูกทำร้ายสลบอยู่ในร้านอาหาร เมื่อผู้ตายหนีออกมาจากร้านอาหารจำเลยทั้งสอง และ อ. ไล่ตามและตะโกนว่าฆ่ามันให้ตายและยังได้ตามมาทำร้ายผู้ตายห่างจากที่เกิดเหตุครั้งแรกประมาณ 3 เส้น จนผู้ตายถึงแก่ความตาย แล้วจำเลยทั้งสองยังกลับมาทำร้ายผู้เสียหายซึ่งนอนสลบอยู่อีก ดังนี้ การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นความผิดฐานร่วมกับผู้อื่นฆ่าผู้ตายและทำร้ายร่างกายผู้เสียหายรวม 2 กรรม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมกันใช้มีดปลายแหลมและขวดเป็นอาวุธแทงและตีทำร้ายนายชาญชัย เป็นเหตุให้นายชาญชัยถึงแก่ความตายในระหว่างที่จำเลยทั้งสองกับพวกกระทำผิดดังกล่าว นายเสน่ห์เข้าห้ามปราม จำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมกันใช้ขวดเป็นอาวุธตีทำร้ายนายเสน่ห์หลายครั้ง เป็นเหตุให้นายเสน่ห์ได้รับอันตรายแก่กายถึงบาดเจ็บ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘,๒๙๕,๘๓
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘,๘๓ กระทงหนึ่ง จำคุกคนละ ๒๐ ปี และมีความผิดตามมาตรา ๒๙๕,๘๓ จำคุกคนละ ๑ ปี เป็นกระทงที่สอง เรียงกระทงลงโทษ เป็นจำคุกคนละ ๒๑ ปี
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประจักษ์พยานโจทก์คือนางพิมพ์เบิกความว่าผู้ตายกับนายเสน่ห์กลับมาเอากุญแจที่ลืมไว้ที่ร้านพยาน เมื่อได้กุญแจแล้วผู้ตายอยากฟังเพลงรู้ว่าเขาหลอก แต่ที่ร้านพยานไม่มีแผ่นเสียงเพลงดังกล่าว ผู้ตายจึงนำเหรียญไปหยอดที่ตู้เพลงร้านสำราญโภชนา แต่เพลงไม่ดังเพราะจำเลยทั้งสองกับพวกถอดปลั๊กออก ผู้ตายขอเงินคืนจึงเกิดเหตุคดีนี้ โดยจำเลยที่ ๑ ปาแก้วสุรามาที่ผู้ตาย เนื่องจากบริเวณที่เกิดเหตุมีแสงไฟสว่างสามารถเห็นเหตุการณ์ได้ชัดเจน พยานยืนยันว่าจำเลยทั้งสอง นายวิโรจน์และนายอ๊อดใช้ขวดสุราตี ส่วนจำเลยที่ ๒ ใช้เก้าอี้ตีผู้ตาย โดยเริ่มทำร้ายกันครั้งแรกในร้านสำราญโภชนา ผู้เสียหายนอนสลบอยู่ในร้านดังกล่าว ส่วนผู้ตายหนีออกมานอกร้าน จำเลยทั้งสองกับนายอ๊อดไล่ตามผู้ตายและตะโกนว่า ฆ่ามันให้ตาย พยานได้ร้องห้าม แต่จำเลยทั้งสองกับพวกได้ตามมาทำร้ายผู้ตายห่างจากที่เกิดเหตุครั้งแรกประมาณ ๑ เส้น หลังจากนั้นจำเลยทั้งสองกับพวกยังร่วมกันกลับเข้าไปในร้านสำราญโภชนาเข้าไปทำร้ายนายเสน่ห์เพื่อนผู้ตายอีก พยานจึงต้องรีบไปแจ้งตำรวจ พยานปากนี้เป็นพยานคนกลาง คำเบิกความจึงมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ นายเสน่ห์เบิกความว่า ชายทั้งสี่ในร้านที่ผู้ตายเข้าไปหยอดเหรียญฟังเพลงนั้นได้รุมทำร้ายผู้ตาย เมื่อนายเสน่ห์เข้าไปช่วยเหลือก็ถูกชายทั้งสี่ทำร้าย ทั้งจำเลยที่ ๒ ก็ยอมรับในชั้นจับกุมว่าได้ร่วมกับพวกชกต่อยผู้ตายจริง พฤติการณ์ของจำเลยที่ ๒ ดังกล่าวแล้วฟังได้ว่าได้ร่วมกับพวกทำร้ายผู้ตายมาแต่ต้น เมื่อผู้ตายถูกทำร้ายแล้วหนีออกไปนอกร้านเกิดเหตุ จำเลยที่ ๒ กับพวกยังตามไปทำร้ายผู้ตายจนถึงแก่ความตาย แล้วยังกลับมาทำร้ายนายเสน่ห์ซึ่งนอนสลบอยู่ในร้านเกิดเหตุอีกเช่นนี้ รูปคดีฟังได้ชัดว่าจำเลยที่ ๒ ได้ร่วมกับพวกกระทำความผิดตามฟ้องจริง
พิพากษายืน.

Share