แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ขณะที่ผู้ให้เช่าโอนขายนาพิพาทให้จำเลยพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 ยังมีผลใช้บังคับอยู่ โจทก์ซึ่งเป็นผู้เช่านาพิพาทย่อมได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัตินี้ จึงมีสิทธิซื้อนาพิพาทคืนจากจำเลยได้แม้ต่อมาพระราชบัญญัติดังกล่าวถูกยกเลิกโดยมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524 ก็ไม่อาจลบล้างสิทธิของโจทก์ที่มีอยู่ก่อน
กรณีดังกล่าวแม้คณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลจะให้โจทก์มีสิทธิซื้อที่ดินคืนจากจำเลยตามราคาที่คณะกรรมการกำหนดก็ไม่มีผลลบล้างสิทธิของโจทก์ตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มาตรา 41 ที่จะซื้อนาพิพาทคืนในราคาที่ผู้ให้เช่าขายให้แก่จำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เช่าที่นาโฉนดเลขที่ ๘๖๑๙ ตำบลลาดบัวหลวงจังหวัดอยุธยา เนื้อที่ ๒๗ ไร่เศษ จากนายสมชายเจ้าของกรรมสิทธิ์ทำนามา ๑๐ ปีเศษนายสมชายได้เสนอขายที่นาดังกล่าวแก่จำเลยในราคาไร่ละ ๘,๐๐๐ บาท ซึ่งเป็นราคาที่สูงเกินไป จึงตกลงกันไม่ได้ ต่อมานายสมชายขายที่นาดังกล่าวแก่จำเลยราคาไร่ละ ๔,๐๐๐ บาท โดยมิได้แจ้งให้โจทก์ทราบก่อน ทั้ง ๆที่โจทก์ประสงค์ที่จะซื้อ หลังจากนั้นโจทก์ติดต่อขอซื้อคืนจากจำเลย จำเลยปฏิเสธ ขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนโอนขายที่นาดังกล่าวแก่โจทก์ในราคาไร่ละ ๔,๐๐๐ บาท
จำเลยให้การว่า โจทก์เคยร้องเรียนเรื่องนี้ต่อคณะกรรมการการเช่าที่ดินประจำตำบล คณะกรรมการมีมติให้โจทก์ซื้อคืนในราคาไร่ละ ๘,๐๐๐ บาท โจทก์ไม่ซื้อและไม่อุทธรณ์คำวินิจฉัยของคณะกรรมการภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดคำวินิจฉัยจึงเป็นที่สุดนอกจากนี้พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. ๒๕๑๗ ถูกยกเลิกโดยพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๒๔ แล้วโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยโอนขายนาพิพาทให้โจทก์ในราคาไร่ละ ๘,๐๐๐ บาท
โจทก์ จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้โจทก์ซื้อคืนโดยนำเงินค่าที่ดินมาวางศาลภายใน ๓๐ วันนับแต่วันคำพิพากษาถึงที่สุดมิฉะนั้นให้โจทก์หมดสิทธิซื้อที่นาพิพาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์กล่าวในฟ้องว่าโจทก์มีสิทธิซื้อที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่นาคืนจากจำเลยได้ตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. ๒๕๑๗ แต่กฎหมายดังกล่าวได้ถูกยกเลิกไปโดยพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ. ๒๕๒๔ มาตรา ๓ ฟ้องของโจทก์จึงไม่มีมูลที่ศาลจะบังคับให้ได้ นั้น ได้ความว่าขณะที่นายสมชายโอนขายที่ดินพิพาทให้จำเลยนั้น พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. ๒๕๑๗ ยังมีผลบังคับอยู่ โจทก์ย่อมได้รับความคุ้มครองตามมาตรา ๔๑ แห่งพระราชบัญญัตินี้โจทก์จึงมีสิทธิซื้อนาพิพาทคืนจากจำเลยได้นับแต่วันที่จำเลยจดทะเบียนรับโอนนาพิพาทมาจากนายสมชายผู้ให้เช่า แม้ต่อมาพระราชบัญญัติดังกล่าวถูกยกเลิกโดยมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ. ๒๕๒๔ แต่ก็ไม่อาจลบล้างสิทธิของโจทก์ซึ่งมีอยู่ก่อน ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์มีสิทธิซื้อที่ดินพิพาทคืนจากจำเลยในราคาไร่ละ ๔,๐๐๐ บาท นั้น เห็นว่า แม้คณะกรรมการการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบลหลักชัย จะมีมติกำหนดให้โจทก์มีสิทธิซื้อที่ดินพิพาทคืนจากจำเลยได้ในราคาไร่ละไม่เกิน ๘,๐๐๐ บาท แต่สิทธิของโจทก์ที่จะซื้อที่ดินพิพาทคืนจากจำเลยมีอยู่ก่อนคำวินิจฉัยของคณะกรรมการดังนั้น คำวินิจฉัยดังกล่าวจึงไม่มีผลลบล้างสิทธิของโจทก์ตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. ๒๕๑๗ มาตรา ๔๑ วรรคสี่ ที่จะซื้อที่ดินพิพาทคืนในราคาที่นายสมชายขายให้แก่จำเลยส่วนราคาจะเป็นเท่าไรนั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่านายสมชายขายที่นาพิพาทให้จำเลยราคาไร่ละ ๔,๐๐๐ บาท
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยจดทะเบียนโอนขายนาพิพาทให้โจทก์ในราคาไร่ละ ๔,๐๐๐ บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.