คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4747/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีที่ราษฎรเป็นโจทก์ แม้โจทก์จะมิได้ระบุอายุของตนลงในคำฟ้องแต่ก็ได้บรรยายฟ้องไว้ว่าตนเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท ซ. และเมื่ออ้างตนเองเป็นพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ก็เบิกความว่าตนมีอายุ 40 ปี ย่อมทราบได้ว่าโจทก์อายุ 40 ปี เป็นผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว จึงไม่เพียงพอที่จะถือว่าคำฟ้องดังกล่าวเป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (3)

ย่อยาว

คดีทั้งสามสำนวนนี้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกันโดยให้เรียกนายสุรพล จันทวรรณศรีว่าจำเลยที่ ๑ และนายวีระ เจริญกิจว่าจำเลยที่ ๒
สำนวนแรกโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑, ๓๕๒, ๘๓ ส่วนสำนวนที่สองและที่สามโจทก์ฟ้องและเพิ่มเติมฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๓ พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ พ.ศ. ๒๔๙๙ มาตรา ๔๒ และเพิ่มโทษจำเลยตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องทั้งสามสำนวนแล้วเห็นว่าคดีมีมูลจึงมีคำสั่งให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา
จำเลยทั้งสามสำนวนให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาสำนวนแรกว่าจำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒ จำคุก ๑ ปีสำนวนที่สองพิพากษาว่าจำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๓ รวม ๒ กรรมจำคุกกรรมละ ๑ ปีรวมเป็น ๒ ปีสำนวนที่สามพิพากษาว่าจำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๓ จำคุก ๖ เดือนส่วนข้อหาอื่นรวมทั้งจำเลยที่ ๒ ให้ยกฟ้องโจทก์
จำเลยที่ ๑ ทั้งสามสำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ทั้งสามสำนวนฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าที่จำเลยที่ ๑ ฎีกาว่าคำฟ้องของโจทก์ทั้งสามสำนวนมิได้ระบุอายุของโจทก์ไว้อันเป็นสาระสำคัญเพราะกฎหมายต้องการทราบว่าโจทก์เป็นผู้เยาว์หรือบรรลุนิติภาวะมีความสามารถในการฟ้องคดีเองได้หรือไม่ฟ้องของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘ (๓) นั้นข้อเท็จจริงได้ความว่าคดีทั้งสามสำนวนนี้เป็นคดีที่ราษฎรเป็นโจทก์โดยมิได้ระบุอายุของโจทก์ลงในคำฟ้องแต่โจทก์ได้บรรยายฟ้องไว้ว่าโจทก์เป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทเซ้าท์เทอร์นไทยรับเบอร์ (ภูเก็ต) จำกัดและเมื่อโจทก์อ้างตนเองเป็นพยานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ก็เบิกความว่าโจทก์มีอายุ ๔๐ ปีจึงทราบได้แล้วว่าโจทก์อายุ ๔๐ ปีเป็นผู้บรรลุนิติภาวะแล้วการที่โจทก์ไม่ได้ระบุอายุลงในฟ้องจึงไม่เป็นการเพียงพอที่จะถือว่าคำฟ้องของโจทก์เป็นคำฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๘ (๓) ดังนั้นฟ้องของโจทก์ทั้งสามสำนวนจึงสมบูรณ์
พิพากษายืน.

Share