คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4276/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ในฐานะผู้ขับรถยนต์ และจำเลยที่ 2 ในฐานะนายจ้างของจำเลยที่ 1 ให้ร่วมกันรับผิดในการที่จำเลยที่ 1ขับรถยนต์ประมาทชนรถยนต์คันที่โจทก์รับประกันภัยเสียหายจำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ดังนี้ แม้หากฝ่ายจำเลยขาดนัดไม่มาศาล ศาลก็ยังวินิจฉัยชี้ขาดให้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีไม่ได้จนกว่าจะได้พิจารณาพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบว่าคดีมีมูลตามข้ออ้างแห่งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 ทั้งเมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ได้ให้การและนำสืบต่อสู้คดี จึงเป็นกรณีที่ต้องฟังพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายในประเด็นพิพาทว่าจำเลยที่ 1 กระทำการโดยประมาทตามที่โจทก์กล่าวอ้างมาในฟ้องหรือไม่ และศาลย่อมพิพากษายกฟ้องเมื่อฟังว่า เหตุมิได้เกิดเพราะความประมาทของจำเลยที่ 1

ย่อยาว

ฟ้องโจทก์ว่า จำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๒ วันเกิดเหตุจำเลยที่ ๑ ขับรถยนต์โดยสารประจำทางไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๒ โดยประมาทชนท้ายรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน นม.-๒๕๖๑๐ ซึ่งนายทวีขับขี่มาเกิดอุบัติเหตุจอดอยู่ก่อนได้รับความเสียหาย โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยได้จัดการซ่อมรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน นม.-๒๕๖๑๐ แล้ว จึงรับช่วงสิทธิมาฟ้องขอบังคับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรับผิดใช้ค่าเสียหาย ๑๒,๗๕๐ บาท
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า เหตุรถชนคันเกิดจากความประมาทของนายทวีที่จอดรถไว้บนผิวจราจรในเวลากลางคืนโดยไม่เปิดไฟ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นฟังว่า เหตุเกิดเพราะความผิดของนายทวีฝ่ายเดียวพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีข้อวินิจฉัยในชั้นนี้เฉพาะในปัญหาข้อกฎหมายว่าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๓๗ บัญญัติให้ภาระการพิสูจน์ตกอยู่แก่จำเลยที่ ๑ ในฐานะเป็นผู้ขับขี่รถยนต์คันเกิดเหตุตามฟ้อง เมื่อจำเลยที่ ๑ ขาดนัดไม่มาศาลอันทำให้ไม่มีโอกาสพิสูจน์หักล้างข้อหาตามฟ้อง จึงต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีนั้นพิเคราะห์แล้ว เห็นว่าแม้หากฝ่ายจำเลยขาดนัดไม่มาศาล ศาลก็ยังวินิจฉัยชี้ขาดให้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีไม่ได้จนกว่าจะได้พิจารณาพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบว่า คดีมีมูลตามข้ออ้างแห่งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๕ ทั้งคดีนี้จำเลยที่ ๒ ได้ให้การและนำสืบต่อสู้คดี จึงเป็นกรณีที่ต้องฟังพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายในประเด็นพิพาทว่าจำเลยที่ ๑ กระทำการโดยประมาทตามที่โจทก์กล่าวอ้างมาในฟ้องหรือไม่ หาใช่กรณีที่ศาลจะต้องฟังแต่เฉพาะพยานโจทก์ฝ่ายเดียวว่าจำเลยที่ ๑ เป็นฝ่ายประมาทดังที่โจทก์ฎีกาไม่และศาลย่อมพิพากษายกฟ้องเมื่อฟังว่าเหตุมิได้เกิดเพราะความประมาทของจำเลยที่ ๑
พิพากษายืน

Share