คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2744/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสามร่วมกันกระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชน แม้จำเลยเพียงบางคนเป็นผู้รับเงินจากผู้เสียหาย จำเลยทุกคนก็ต้องร่วมกันรับผิดชดใช้เงินคืนแก่ผู้เสียหายทุกคน.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑, ๓๔๓, ๘๓ ให้จำเลยร่วมกันใช้เงินแก่ผู้เสียหายทั้ง ๒๑ คน เป็นเงินทั้งสิ้น ๑๐๑,๔๐๐ บาท
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ เมื่อสืบพยานโจทก์เกือบเสร็จจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ขอถอนคำให้การเดิมและขอให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑, ๓๔๓ วรรคแรก จำคุกคนละ ๔ ปี จำเลยรับสารภาพเมื่อสืบพยานโจทก์จวนจะเสร็จมีประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีอยู่บ้าง ลดโทษให้ ๑ ใน ๔ ตามมาตรา ๗๘ คงจำคุกจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ คนละ ๓ ปี และให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ ๑
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑, ๓๔๓ วรรคแรก ให้จำคุก ๔ ปี และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้เงินคืนแก่ผู้เสียหาย ๒๑ คน เป็นเงิน ๑๐๑,๔๐๐ บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๑ ร่วมกับจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ กระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชน แล้ววินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่าสำหรับทรัพย์สินที่ผู้เสียหายสูญเสียไปเนื่องจากการกระทำผิดของจำเลยที่ ๑ ซึ่งโจทก์เรียกร้องแทนผู้เสียหายนั้น ตามฟ้องนายทองเหลือง ขำคม วางเงินมัดจำ ๑๔,๐๐๐ บาท จำเลยที่ ๑ เถียงว่านายทองเหลืองวางเงินกับจำเลยที่ ๒ ไม่ใช่จำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ จึงไม่ต้องรับผิดจำนวน ๑๐๑,๔๐๐ บาท ศาลฎีกาเห็นว่า แม้นายทองเหลืองพยานจำเลยที่ ๑ จะเบิกความว่าพยานเสียเงินค่าสมัคร๑๔,๐๐๐ บาทให้กับจำเลยที่ ๒ ก็ตามเมื่อศาลฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ ๑ ร่วมกับจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ กระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชนตามฟ้อง จำเลยที่ ๑ จึงต้องร่วมกับจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ รับผิดชดใช้เงินที่โจทก์เรียกร้องแทนผู้เสียหายคืนแก่ผู้เสียหายทุกคน
พิพากษายืน.

Share