คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3960/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีที่ฎีกาได้แต่เฉพาะข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนั้น ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 222
บัตรประจำตัวประชาชนของกลางเป็นเอกสารปลอมเกิดขึ้น เพราะจำเลยเป็นผู้ดำเนินเรื่องโดยจำเลยเป็นต้นตอและให้ความร่วมมือ จำเลยจึงอยู่ในฐานะทั้งผู้ก่อและร่วมมือกับผู้อื่นในการปลอมเอกสารดังกล่าว ดังนี้จำเลยมีความผิดฐานเป็นผู้ก่อให้ผู้อื่นปลอมเอกสารและเป็นตัวการร่วมกับผู้อื่นในการปลอมเอกสารนั้นด้วย ความผิดฐานก่อให้ผู้อื่นปลอมเอกสารจึงเกลื่อนกลืนเป็นการกระทำความผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกับผู้อื่นปลอมเอกสาร ศาลฎีกาลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการร่วมกับผู้อื่นปลอมเอกสารแต่เพียงบทเดียว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยซึ่งเป็นบุคคลต่างด้าว เชื้อชาติจีน สัญชาติจีนกับพวกซึ่งหลบหนีได้ร่วมกันปลอมบัตรประจำตัวประชาชนซึ่งเป็นเอกสารราชการทั้งฉบับ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น หรือประชาชน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๔, ๒๖๕, ๘๓ และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยใช้ให้ผู้อื่นทำเอกสารหมาย จ. โดยจำเลยรู้อยู่ว่าเป็นการปลอมเอกสาร แม้ว่าฟ้องโจทก์จะขอให้ลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการแต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดก็ถือว่าข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาไม่แตกต่างกันในฟ้อง ลงโทษจำเลยฐานเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๔ ได้ พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๔, ๒๖๕ จำคุก ๓ ปี ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วฟังว่า ความผิดครั้งนี้เกิดขึ้นด้วยความร่วมมือของจำเลยผู้เป็นต้นตอและให้ความร่วมมือ จำเลยจึงอยู่ในฐานะทั้งผู้ก่อและร่วมมือกับผู้อื่นในการปลอมเอกสารดังกล่าว มีความผิดฐานเป็นตัวการปลอมเอกสารดังโจทก์ฟ้อง ต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญาทั้งมาตรา ๘๓ และ ๘๔ แต่เห็นว่าโทษที่ศาลชั้นต้นวางมาสูงเกินไป พิพากษาแก้เป็นว่าให้ลงโทษจำคุกจำเลย ๒ ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘ จึงไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยฎีกาคำสั่งดังกล่าวของศาลชั้นต้น ขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป ศาลฎีกามีคำสั่งว่า คดีนี้ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ให้รับฎีกาของจำเลยเฉพาะข้อ ๒. ในปัญหาที่ว่าโจทก์ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๔, ๒๖๕ ประกอบด้วยมาตรา ๘๓ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้ก่อให้ผู้อื่นปลอมเอกสาร ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๕ ประกอบด้วยมาตรา ๘๓ และ ๘๔ นั้นเป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒ หรือ ไม่ซึ่งเป็นปัญหาข้อกฎหมายเท่านั้น ส่วนฎีกาข้ออื่นเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาชอบแล้ว
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว คงมีปัญหาข้อกฎหมายมาสู่การวินิจฉัยของศาลฎีกาเพียงข้อเดียวว่า ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๕ ประกอบด้วยมาตรา ๘๓ และ ๘๔ นั้นเป็นการขัดต่อกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒ หรือไม่ ซึ่งในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายนั้น ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๒ พิเคราะห์แล้วคดีนี้ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า บัตรประจำตัวประชาชนของกลางตามเอกสารหมาย จ.๑ เป็นเอกสารปลอม ซึ่งเกิดขึ้นเพราะจำเลยเป็นผู้ดำเนินเรื่องทั้งสิ้น ความผิดครั้งนี้จึงเกิดขึ้นด้วยความร่วมมือของจำเลยผู้เป็นต้นตอและให้ความร่วมมือ จำเลยจึงอยู่ในฐานะทั้งผู้ก่อและร่วมมือกับผู้อื่นในการปลอมเอกสารดังกล่าว มีความผิดฐานเป็นตัวการปลอมเอกสารราชการดังโจทก์ฟ้องต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญาทั้งมาตรา ๘๓ และ ๘๔ เห็นว่าเมื่อฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นผู้ก่อให้ผู้อื่นปลอมเอกสารและเป็นตัวการร่วมกับผู้อื่นในการปลอมเอกสารนั้นด้วย ความผิดฐานก่อให้ผู้อื่นปลอมเอกสารจึงเกลื่อนกลืนเป็นการกระทำความผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานเป็นตัวการร่วมกับผู้อื่นปลอมเอกสาร ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษแก่จำเลยมาทุกบทจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นควรแก้ไขปรับบทให้ถูกต้องโดยให้จำเลยฐานเป็นตัวการร่วมกับผู้อื่นปลอมเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๕ ประกอบด้วยมาตรา ๘๓ แต่เพียงบทเดียวเมื่อศาลฎีกาแก้ไม่ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๕ ประกอบด้วยมาตรา ๘๔ ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แล้ว คดีก็ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยว่าที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยมานั้นเป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒ หรือไม่
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๕ ประกอบด้วยมาตรา ๘๓ จำคุก ๒ ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share