คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2113/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนี้ตามสัญญากู้ยืมที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า ยอมรับเอาสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่นเป็นการชำระหนี้เงินกู้ ซึ่งทำให้หนี้นั้นระงับต่อเมื่อตกลงกันให้คิดเป็นจำนวนเท่ากับราคาท้องตลาดแห่งสิ่งของหรือทรัพย์สินนั้นในเวลาและสถานที่ส่งมอบ เมื่อไม่ได้ตกลงกันในเรื่องผู้ให้กู้จะยอมรับเอาสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่นเป็นการชำระหนี้แทนเงินกู้ โดยคิดเป็นจำนวนเท่ากับราคาท้องตลาดแห่งสิ่งของหรือทรัพย์สินในเวลาและสถานที่ส่งมอบ แต่กลับมีข้อสัญญาให้ผู้กู้โอนสิทธิการเช่าให้แก่ผู้ให้กู้ตามที่ผู้ให้กู้ต้องการ โดยไม่ต้องคำนึงถึงสิทธิแห่งการเช่านั้นมีราคาเท่าใดข้อตกลงดังกล่าวขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 656 วรรคสอง ตกเป็นโมฆะ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ทำสัญญากู้เงินนางสมส่วน ขำรักษา ไปโดยมีข้อตกลงว่าจะชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยคืนภายในสามปี หากไม่ชำระยอมโอนสิทธิการเช่าตึกแถวซึ่งจำเลยเช่าจากกรมการศาสนาให้หากผู้ให้กู้ต้องการจำเลยผิดนัดชำระหนี้ โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกขอให้บังคับจำเลยโอนสิทธิการเช่าตึกแถวตามข้อตกลง หากเป็นการพ้นวิสัยให้จำเลยชำระหนี้ที่ค้างพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์จะเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ไม่รับรองจำเลยไม่เคยกู้เงินโจทก์ ข้อตกลงโอนสิทธิการเช่าตึกแถวเป็นการชำระหนี้ ขัดต่อความสงบ เป็นโมฆะ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยได้ทำสัญญากู้เงินและตกลงโอนสิทธิการเช่าตึกแถวเป็นการชำระหนี้ตามฟ้อง ข้อตกลงดังกล่าว สมบูรณ์ไม่ขัดต่อความสงบ แต่ขณะยื่นฟ้องหรือภายหลังจำเลยมิได้เป็นผู้เช่าตึกแถว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินที่ค้างพร้อมดอกเบี้ย คำขออื่นให้ยก
โจทก์อุธรณ์ขอให้จำเลยโอนสิทธิการเช่าตึกแถวชำระหนี้ก่อนหากพ้นวิสัยจึงให้จำเลยชำระเงินที่ค้างพร้อมดอกเบี้ย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของโจทก์ว่าสัญญาโอนสิทธิการเช่าตึกแถวดังกล่าวใช้บังคับได้หรือไม่เห็นว่า หนี้ตามสัญญากู้ยืมที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้ายอมรับเอาสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่นเป็นการชำระหนี้เงินกู้ ซึ่งทำให้หนี้นั้นระงับต่อเมื่อตกลงกันให้คิดเป็นจำนวนเท่ากับราคาท้องตลาดแห่งสิ่งของหรือทรัพย์สินนั้นในเวลาและสถานที่ส่งมอบ แต่ในกรณีโอนสิทธิการเช่าเป็นการชำระหนี้เงินกู้ในคดีนี้ คู่ความไม่ได้ตกลงในเรื่องที่ผู้ให้กู้จะยอมรับเอาสิ่งของหรือทรัพย์สินอย่างอื่นเป็นการชำระหนี้แทนเงินกู้ โดยคิดเป็นจำนวนเท่ากับราคาท้องตลาดแห่งสิ่งของหรือทรัพย์สินในเวลาและสถานที่ส่งมอบ แต่กลับมีข้อสัญญาให้จำเลยผู้กู้โอนสิทธิการเช่าให้แก่ผู้ให้กู้ตามที่ผู้ให้กู้ต้องการ โดยไม่คำนึงถึงสิทธิแห่งการเช่านั้นมีราคาเท่าใด ข้อตกลงดังกล่าวจึงขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๖ วรรคสอง เป็นโมฆะใช้บังคับไม่ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองไม่ให้จำเลยโอนสิทธิการเช่าแก่โจทก์จึงชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share