คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1547/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยข้อหาวิ่งราวทรัพย์สร้อยข้อมือทองคำหนักสองสลึง 1 เส้น ราคา 2,800 บาท ของผู้เสียหายและมีคำขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ดังกล่าวแก่ผู้เสียหาย คดีอยู่ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกาจำเลยถึงแก่ความตาย สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (1) มีผลให้คำพิพากษาของศาลล่างระงับไปในตัว ศาลฎีกามีคำสั่งจำหน่ายคดี

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีก ๑ คน ได้ร่วมกันวิ่งราวสร้อยข้อมือทองคำหนักสองสลึง ๑ เส้น ราคา ๒,๘๐๐ บาท ของนางเครือวัลย์ไปโดยฉกฉวยเอาซึ่งหน้า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๔, ๓๓๖, ๘๓ และสั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาสร้อยข้อมือ ราคา ๒,๘๐๐ บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๖ จำคุก ๓ ปี ให้คืนหรือใช้ราคาสร้อยข้อมือ ๒,๘๐๐ บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฟังได้ว่าจำเลยถึงแก่ความตายแล้วจริง ดังนี้ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๓๔ (๑) มีผลให้คำพิพากษาของศาลล่างระงับไปในตัว จึงให้จำหน่ายคดีนี้เสียจากสารบบความของศาลฎีกา

Share