คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1294/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ซื้อช้างพิพาทมาจาก บ. เป็นการซื้อขายกันเอง มอบตั๋วรูปพรรณแก่กัน แม้การซื้อขายจะมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงตกเป็นโมฆะก็ตาม ข้อเท็จจริงก็ฟังได้ว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองช้างพิพาท เมื่อมีการกระทำละเมิดอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่สิทธิของโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องผู้ทำละเมิดได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของช้างพังชื่อป้อง จำเลยที่ ๒ เป็นลูกจ้างช่วยเลี้ยงและรับรักษาช้างสีดอชื่อแสนของจำเลยที่ ๑ ด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวัง จำเลยที่ ๒ ได้ปล่อยให้ช้างสีดอแสนเข้าทำร้ายช้างพังป้องจนกรามหักและถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าช้างจำนวน ๘๕,๐๐๐ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์จะเป็นเจ้าของช้างพังป้องหรือไม่ไม่รับรอง จำเลยที่ ๒ ไม่ใช่ลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๒ นำช้างไปโดยมีคนงานถือหอกคุมเท้าช้าง ช้างสีดอแสนไม่ได้ทำร้ายช้างพังป้อง ซึ่งเป็นช้างเพศเมีย
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฎีกาว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองช้างพังป้องจึงมีอำนาจปลดเปลื้องการรบกวนการครอบครอง การทำละเมิดเป็นการรบกวนการครอบครอง โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องผู้ทำละเมิดได้ ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์มีนายบู้ ทองถวิล เจ้าของช้างพังป้องมาเบิกความว่า ได้ขายช้างเชือกนี้ให้โจทก์ และมอบตั๋วรูปพรรณให้โจทก์ไปด้วย แม้การซื้อขายจะมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงตกเป็นโมฆะก็ตาม ข้อเท็จจริงก็ฟังได้ว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองในช้างพังป้อง เมื่อมีการกระทำละเมิดอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่สิทธิของโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องผู้ทำละเมิดได้
พิพากษายืน

Share