แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สาเหตุที่เกิดการทำร้ายกันขึ้นเนื่องจากพวกของจำเลยยกส้นเท้าใส่ผู้เสียหาย จำเลยเดินถือมีดสำหรับปอกผลไม้ไม่ปรากฏขนาดเพราะไม่ได้มีดเป็นของกลางออกมาจากบ้าน แทงผู้เสียหายหลายครั้งในทันทีทันใด มีบาดแผลที่ด้านหลังระดับเอว 2 แผล ลึกถึงภายในท้อง แต่ไม่ทำอันตรายอวัยวะภายใน ที่ตะโพกซ้าย 1 แผล แพทย์ลงความเห็นว่าใช้เวลารักษาประมาณ 17 วัน พักต่ออีก 7 วัน ก็หายเป็นปกติ ดังนี้ยังฟังไม่ได้ว่ามีเจตนาฆ่า คงผิดฐานทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส เท่านั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงผู้เสียหายหลายครั้งโดยเจตนาฆ่า แต่แพทย์รักษาไว้ทัน ผู้เสียหายจึงไม่ถึงแก่ความตาย เพียงแต่ได้รับอันตรายแก่กายถึงสาหัส ต้องป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนา และประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวันตามรายงานการชันสูตรบาดแผลของแพทย์ท้ายฟ้อง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐
จำเลยให้การรับว่าได้ใช้มีดปลายแหลมแทงผู้เสียหายจริง แต่ไม่มีเจตนาฆ่า
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘, ๘๐ จำคุก ๖ ปี ๘ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๗ จำคุก ๒ ปี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลที่ด้านหลังระดับเอว ๒ แผล ลึกถึงภายในท้องแต่ไม่ทำอันตรายอวัยวะภายใน ที่ตะโพกซ้าย ๑ แผลแพทย์มีความเห็นว่า ถูกแทงด้วยวัตถุมีคมรุนแรงถึงอวัยวะภายในแต่ไม่ถูกส่วนสำคัญ ใช้เวลารักษาประมาณ ๑๗ วัน พักต่ออีก ๗ วัน ก็หายเป็นปกติ อาวุธที่ใช้เป็นมีดสำหรับปอกผลไม้ ไม่ปรากฏขนาดเพราะไม่ได้มาเป็นของกลางสาเหตุเนื่องมาจากพวกของจำเลยยกส้นเท้าใส่ผู้เสียหาย แล้วจำเลยเดินถือมีดออกมาจากบ้านทำร้ายผู้เสียหายในทันทีทันใดโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยวางแผนหรือตระเตรียมการมาก่อน ลักษณะบาดแผลแสดงว่าจำเลยมิได้แทงโดยแรงหากจำเลยมีเจตนาฆ่า จำเลยก็มีโอกาสจะทำได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีผู้ใดขัดขวางเพราะขณะนั้นพวกผู้เสียหายไม่มีอาวุธอะไรติดตัว ตามพฤติการณ์แห่งคดีลักษณะบาดแผลและอาวุธที่ใช้ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยแทงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า
พิพากษายืน