คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3831/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ศาลจะเรียกพนักงานแพทย์มาให้ถ้อยคำหรือให้การถึงผลการตรวจในกรณีที่มีเหตุควรเชื่อว่าจำเลยเป็นผู้วิกลจริตและไม่สามารถต่อสู้คดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 14 ก็ต่อเมื่อพนักงานแพทย์ได้ทำการตรวจเสร็จและสามารถวินิจฉัยโรคได้. แต่เมื่อพนักงานแพทย์ได้ตรวจร่างกายของจำเลยหลายครั้งแล้ว แต่ไม่สามารถให้คำวินิจฉัยโรคได้ จึงไม่มีความจำเป็นอย่างใดที่ศาลจะต้องเรียกให้แพทย์ผู้ตรวจมาให้ถ้อยคำอีก ทั้งเมื่อศาลชั้นต้นนัดพร้อมกลับปรากฏข้อเท็จจริง ต่อหน้าศาลว่า จำเลยสามารถเข้าใจคำถามและตอบได้ตรงคำถาม ไม่มีกิริยาหรืออาการแสดงว่าจำเลยวิกลจริตและไม่สามารถต่อสู้คดีได้ คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปจึงชอบด้วยกระบวนพิจารณาแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กระทำผิดหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือได้ใช้ขวานฟันนายชูและนางสาวอุษาโดยเจตนาฆ่า เป็นเหตุให้คนทั้งสองถึงแก่ความตายได้วางเพลิงเผาโรงเรือนอันเป็นที่อยู่อาศัยของบุคคลอื่นรวม ๕ หลัง และได้ใช้ขวานฟันศีรษะของนางสาวเพ็ญจันทร์โดยเจตนาฆ่า เพื่อขัดขวางไม่ให้เข้าไปดับไฟที่กำลังลุกไหม้ดังกล่าว แต่นางสาวเพ็ญจันทร์ไม่ถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๐, ๙๑, ๒๑๗, ๒๑๘, ๒๘๘, ๒๘๙
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘, ๒๑๗, ๒๑๘, ๘๐, ๙๑ วางโทษประหารชีวิตกระทงหนึ่ง และจำคุกตลอดชีวิตอีกสองกระทง
โจทก์จำเลยไม่อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นส่งสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๔๕
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปโดยมิได้เรียกพนักงานแพทย์ผู้ตรวจจำเลยมาให้ถ้อยคำหรือให้การเกี่ยวกับผลของการตรวจจำเลย เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่มิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๔ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่และมีคำสั่งหรือคำพิพากษาต่อไปตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ศาลจะเรียกพนักงานแพทย์มาให้ถ้อยคำหรือให้การถึงผลการตรวจร่างกายของจำเลย ก็ต่อเมื่อพนักงานแพทย์ได้ทำการตรวจเสร็จและสามารถวินิจฉัยโรคได้ แต่ในกรณีนี้พนักงานแพทย์ผู้ตรวจได้ตรวจร่างกายของจำเลยหลายครั้งแล้ว แต่ไม่สามารถให้คำวินิจฉัยโรคได้ จึงไม่มีความจำเป็นอย่างใดที่ศาลจะต้องเรียกให้แพทย์ผู้ตรวจมาให้ถ้อยคำอีก ทั้งเมื่อศาลชั้นต้นนัดพร้อมกลับปรากฏข้อเท็จจริงต่อหน้าศาลว่า จำเลยสามารถเข้าใจคำถามและตอบได้ตรงคำถาม ไม่มีกิริยาหรืออาการแสดงว่าจำเลยวิกลจริตและไม่สามารถต่อสู้คดีได้ คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปเช่นนี้ จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาแล้ว
พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๔๕.

Share