แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดต่อพระราชบัญญัติน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2521 มาตรา 25 ตรี มีข้อสันนิษฐานไว้ในวรรคสองและวรรคสี่ความว่า ถ้าการกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติน้ำมันเชื้อเพลิงเกิดขึ้นภายในสถานที่ทำการหรือสถานที่จำหน่ายของผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 6 ทวิ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ค้าน้ำมันดังกล่าวเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแล้ว ที่จะป้องกันมิให้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า มีผู้กระทำความผิดถูกจับขณะกำลังปลอมปนน้ำมันโดยถ่ายน้ำมันก๊าดลงในถังเก็บน้ำมันโซล่าใต้ดินของจำเลยที่ 1 ในบริเวณปั๊มน้ำมันของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 1 ไม่มีพยานมาสืบหักล้างข้อสันนิษฐานของกฎหมายดังกล่าวได้ จำเลยที่ 1 ในฐานะผู้ค้าน้ำมัน และจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่1จึงต้องรับผิดตามฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด มีจำเลยที่ ๒ เป็นผู้จัดการ และมีวัตถุประสงค์จำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง จำเลยทั้งสองกับนายอุดม คำชูจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๒๔๐/๒๕๒๕ ของศาลชั้นต้น ร่วมกันปลอมน้ำมันดีเซล (โซล่า) โดยเติมน้ำมันก๊าดผสมในน้ำมันดีเซล ทำให้น้ำมันดีเซลมีคุณภาพต่ำกว่ากำหนด และจำเลยทั้งสองมีน้ำมันดีเซลดังกล่าวไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายให้บุคคลอื่น ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๒๑ มาตรา ๔, ๖ ทวิ, ๑๓, ๒๕ ตรี ฯลฯ
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๒๑ มาตรา ๒๕ ตรี วรรคสอง ปรับจำเลยที่ ๑ และจำคุกจำเลยที่ ๒
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุนายอุดม คำชูซึ่งศาลพิพากษาลงโทษไปแล้ว ปลอมปนน้ำมันโซล่าเพื่อจำหน่ายแก่ประชาชนจำนวน ๘,๔๐๐ ลิตร โดยใช้น้ำมันก๊าด ๓๐๐ ลิตร ผสมลงในถังเก็บน้ำมันใต้ดินของจำเลยที่ ๑ นายอุดม คำชู ถูกจับได้ขณะกำลังถ่ายน้ำมันก๊าดเพื่อปลอมปนอยู่ในบริเวณปั๊มน้ำมันของจำเลยที่ ๑ มีปัญหาว่า จำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นเจ้าของปั๊มน้ำมันที่เกิดเหตุและจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ ๑ ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยหรือไม่ เห็นว่าความผิดต่อพระราชบัญญัติน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๒๑ มาตรา ๒๕ ตรี เพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติน้ำมันเชื้อเพลิง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๙ มีข้อสันนิษฐานไว้ในวรรคสองและวรรคสี่ความว่า ผู้ค้ำน้ำมันตามมาตรา ๖ ทวิ เมื่อการกระทำความผิดนั้นเกิดขึ้นภายในสถานที่ทำการหรือสถานที่จำหน่ายของตน ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดด้วย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแล้ว ที่จะป้องกันมิให้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น และจำเลยทั้งสองไม่มีพยานมาสืบหักล้างข้อสันนิษฐานของกฎหมายดังกล่าวได้ จำเลยที่ ๑ ในฐานะผู้ค้าน้ำมันและจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ ๑ จึงต้องรับผิดตามฟ้อง แต่เห็นว่าไม่สมควรลงโทษจำคุกจำเลยที่ ๒ ไปเลยทีเดียว
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้รอการลงโทษจำเลยที่ ๒ ไว้มีกำหนด ๑ ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์