คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2726/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในกรณีที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยคนเดียวรับผิดชำระเงินกู้ 2 รายมาในคำฟ้องเดียวกันโดยแยกทำสัญญากู้เป็น 2 ฉบับ การวินิจฉัยสิทธิอุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจะต้องคำนวณโดยการรวมทุนทรัพย์ตามสัญญากู้ทั้ง 2 ฉบับ ในคำฟ้องนั้น
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2523)
หมายเหตุ คำสั่งคำร้องศาลฎีกาที่ 1076/2514 (ประชุมใหญ่) วินิจฉัยทำนองเดียวกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ กู้เงินโจทก์ ๒๐,๐๐๐ บาท ทำสัญญากู้และออกเช็คมอบให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ ต่อมาจำเลยที่ ๑ กู้เงินโจทก์อีก ๓๐,๐๐๐ บาท ทำสัญญากู้และออกเช็คมอบให้โจทก์เพื่อชำระหนี้ จำเลยที่ ๑ ยังได้ออกเช็คจำนวนเงิน ๓,๐๐๐ บาท เพื่อชำระดอกเบี้ยล่วงหน้าแก่โจทก์ จำเลยที่ ๒ ทำสัญญาค้ำประกันการกู้เงินครั้งหลังจำเลยที่ ๑ ไม่ชำระหนี้ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินต้น ๕๓,๐๐๐ บาท กับดอกเบี้ย ๒๕,๕๐๖ บาท ๒๕ สตางค์ แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ให้การว่ากู้เงินโจทก์เพียง ๓๐,๐๐๐ บาท ได้ออกเช็คค้ำประกันไว้ต่อมาจำเลยที่ ๑ ชำระเงินแก่โจทก์ ๑๐,๐๐๐ บาท และออกเช็คจำนวนเงิน ๒๐,๐๐๐ บาท ชำระหนี้ ต่อมาได้ชำระหนี้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ให้การว่าโจทก์ผ่อนเวลาชำระหนี้ให้จำเลยที่ ๑ และหนี้ดังกล่าวมีการชำระครบถ้วนแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ใช้เงินแก่โจทก์ ๕๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องย้อนหลังไป ๕ ปี โดยให้หักเงินจำนวน ๖,๐๐๐ บาท ที่จำเลยที่ ๑ ชำระแล้วออกเสียก่อน และยกคำขออื่น
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงินกู้ ๓๐,๐๐๐ บาท (การกู้ครั้งหลัง) พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องย้อนหลังไป ๕ ปีแก่โจทก์ โดยหักเงินจำนวนดังกล่าวออก ๖,๐๐๐ บาท
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องบังคับจำเลยที่ ๑ ให้ชำระหนี้ตามสัญญากู้ ๒ ฉบับ รวมทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยฉบับแรกเป็นเงิน ๓๐,๓๗๕ บาท ฉบับหลังเป็นเงิน ๔๔,๘๑๒ บาทเศษ ศาลชั้นต้นบังคับให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงินตามสัญญากู้ทั้งสองฉบับแก่โจทก์ จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าบังคับให้จำเลยที่ ๑ ชำระหนี้แก่โจทก์ตามสัญญากู้ฉบับหลังเท่านั้น จำเลยที่ ๑ ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ ๑ ได้ชำระหนี้ตามสัญญากู้ฉบับหลังพร้อมทั้งดอกเบี้ยแล้ว จึงมีปัญหาวินิจฉัยในเบื้องแรกว่า จำเลยที่ ๑ มีสิทธิฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่ เพราะทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกิน ๕๐,๐๐๐ บาท ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่วินิจฉัยว่า ในกรณีที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยคนเดียวรับผิดชำระเงินกู้ ๒ รายมาในคำฟ้องเดียวกันโดยแยกทำสัญญาเป็น ๒ ฉบับ การวินิจฉัยสิทธิอุทธรณ์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจะต้องคำนวณโดยการรวมทุนทรัพย์ตามสัญญากู้ทั้ง ๒ ฉบับในคำฟ้องนั้น จำเลยที่ ๑ จึงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ และข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ ๑ ได้ชำระหนี้ตามสัญญากู้ฉบับหลังให้โจทก์แล้ว
พิพากษายืน

Share