แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฟ้องโจทก์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 เป็นเรื่องกล่าวหาว่าจำเลยเรียกหรือรับเงินจากผู้เสียหาย โดยอ้างว่าเพื่อจะนำไปให้แก่พนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการ ให้ช่วยเหลือมิให้ ร.ถูกฟ้องเป็นคดีอาญา การกระทำอันเป็นความผิดมิได้อยู่ที่จำเลยติดต่อหรือให้เงินแก่เจ้าพนักงานดังกล่าว โจทก์จึงหาต้องบรรยายฟ้องว่าจำเลยติดต่อกับใครที่ไหน ให้เงินแก่พนักงานอัยการคนใด ทั้งจำเลยมีความสัมพันธ์พิเศษกับเจ้าพนักงานอันอาจจูงใจเจ้าพนักงานนั้นได้หรือไม่ ก็มิใช่องค์ประกอบแห่งความผิดอันต้องบรรยายในฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๓
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าคำฟ้องของโจทก์กล่าวอย่างกว้าง ๆ เลื่อนลอย โดยมิได้ระบุลงไปว่าจำเลยติดต่อกับใครที่ไหน จำเลยมีความสัมพันธ์พิเศษใดอันอาจจูงใจพนักงานนั้น ๆ ได้ ที่ว่าจะให้เงินแก่พนักงานอัยการจังหวัดน่าน ก็ไม่ทราบว่าอัยการคนใด จึงเป็นคำฟ้องไม่ครบองค์ประกอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๓ พิเคราะห์แล้วฟ้องโจทก์เป็นเรื่องกล่าวหาว่าจำเลยเรียกและรับเงินจากผู้เสียหาย โดยอ้างว่าเพื่อจะนำไปให้แก่ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดน่าน พนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการจังหวัดน่าน ให้ช่วยเหลือมิให้สิบตำรวจโทธวัชชัยถูกฟ้องการกระทำอันเป็นความผิดมิได้อยู่ที่จำเลยติดต่อ หรือให้แก่ผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดน่าน พนักงานสอบสวน และพนักงานอัยการจังหวัดน่าน โจทก์จึงหาต้องบรรยายฟ้องว่าจำเลยติดต่อกับใครที่ไหน ให้เงินแก่พนักงานอัยการจังหวัดน่านคนใด ทั้งจำเลยมีความสัมพันธ์พิเศษกับผู้กำกับการตำรวจและพนักงานอัยการดังกล่าวอันอาจจูงใจเจ้าพนักงานนั้นได้หรือไม่ ก็มิใช่องค์ประกอบแห่งความผิดอันต้องบรรยายในฟ้อง ฟ้องของโจทก์ครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๓ แล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น.
พิพากษายืน.