คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2975/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ทำสัญญากับเทศบาลเมืองขอนแก่นตกลงให้จำเลยที่ 1 ได้ใช้ที่ดินราชพัสดุเพื่อทำการก่อสร้างอาคารพาณิชย์แล้วยกกรรมสิทธิ์ให้แก่เทศบาลเมืองขอนแก่นโดยจำเลยที่ 1 มีสิทธิเช่าที่ดินกับอาคารดังกล่าวทั้งหมดและมีสิทธิให้เช่าช่วงได้ ซึ่งทางปฏิบัติจำเลยที่ 1 จะจัดการให้ผู้จองเช่าช่วงอาคารทำสัญญาเช่าโดยตรงกับเทศบาลเมืองขอนแก่น ดังนั้น เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้จัดการให้จำเลยที่ 4 ทำสัญญาเช่าอาคารพิพาทกับเทศบาลเมืองขอนแก่นแล้ว และโจทก์มิได้ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาเช่าดังกล่าว ศาลย่อมไม่อาจบังคับให้จำเลยที่1ทำสัญญาให้โจทก์เช่าช่วงอาคารพิพาทอันเป็นการกระทบกระเทือนถึงสิทธิของเทศบาลเมืองขอนแก่นซึ่งเป็นบุคคลนอกคดีได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ได้ทำสัญญากับเทศบาลเมืองขอนแก่น ตกลงให้จำเลยที่ ๑ ใช้ที่ดินราชพัสดุเพื่อทำการก่อสร้างอาคารพาณิชย์แล้วยกกรรมสิทธิ์ให้เทศบาลเมืองขอนแก่นเพื่อยกให้กระทรวงการคลังต่อไป จำเลยที่ ๑ มีสิทธิเช่าอาคารที่ก่อสร้างดังกล่าวมีกำหนด ๒๐ ปี และมีสิทธินำไปให้ผู้อื่นเช่าช่วงได้ โจทก์ได้ตกลงเช่าช่วงอาคารดังกล่าวจากจำเลยที่ ๑ รวม ๕ ห้องโดยจำเลยได้รับเงินค่าจองไปจากโจทก์แล้ว แต่จำเลยที่ ๑ ดำเนินการโอนสิทธิการเช่าให้แก่โจทก์เพียง ๓ ห้อง ยังขาดอีก ๒ ห้องซึ่งเป็นห้องพิพาทโดยจำเลยที่ ๑ ร่วมกับจำเลยที่ ๓กลับนำไปให้จำเลยที่ ๔ เช่าช่วงและได้พาจำเลยที่ ๔ ไปทำสัญญาเช่ากับเทศบาลเมืองขอนแก่นเรียบร้อยแล้ว การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการโอนการเช่าห้องพิพาทระหว่างจำเลยที่ ๑ กับจำเลยที่ ๔ และให้จำเลยที่ ๑ ทำสัญญาให้โจทก์เช่าช่วงห้องพิพาท ถ้าจำเลยที่ ๑ ไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนา หรือมิฉะนั้นให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า จำเลยที่ ๑ ไม่ได้ตกลงให้โจทก์เช่าช่วงห้องพิพาท แต่ได้โอนสิทธิการเช่าห้องพิพาทให้แก่จำเลยที่ ๓ และต่อมาจำเลยที่ ๓ ได้โอนให้แก่จำเลยที่ ๔ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนการโอนและรับโอนสิทธิการเช่าห้องพิพาทระหว่างจำเลยที่ ๑ กับจำเลยที่ ๔ ให้จำเลยที่ ๑ ทำสัญญาให้โจทก์ได้เช่าช่วงห้องพิพาท ถ้าจำเลยที่ ๑ ไม่ปฏิบัติให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา หรือมิฉะนั้นให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ๖๒๐,๐๐๐ บาท
จำเลยทั้งสี่อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสี่กระทำละเมิดต่อโจทก์ และต้องรับผิดชำระค่าเสียหาย แต่ไม่อาจบังคับตามคำขอของโจทก์ที่ขอให้จำเลยที่ ๑ ทำสัญญาให้โจทก์เช่าช่วงห้องพิพาทได้ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน ๖๒๐,๐๐๐ บาท คำขออื่นเกี่ยวกับห้องพิพาทให้ยกเสีย
โจทก์และจำเลยทั้งสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของโจทก์ที่ว่าโจทก์มีสิทธิฟ้องบังคับให้จำเลยที่ ๑ ทำสัญญาให้โจทก์ได้เช่าช่วงห้องพิพาทว่า เมื่อมีผู้มาจองเช่าช่วงอาคารพาณิชย์ จำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ ได้ออกใบโอนสิทธิการเช่าให้แก่ผู้จอง และทำหนังสือถึงเทศบาลเมืองขอนแก่น ขอให้ทำสัญญาเช่าอาคารดังกล่าวโดยตรงกับผู้รับโอนสิทธิการเช่า (ผู้จอง) โดยเป็นไปตามสัญญาปลูกสร้างอาคารพาณิชย์ระหว่างจำเลยที่ ๑ กับเทศบาลเมืองขอนแก่น ซึ่งตามทางปฏิบัติจำเลยที่ ๑ จะได้จัดการให้ผู้จองอาคารทำสัญญาเช่าโดยตรงกับเทศบาลเมืองขอนแก่น ดังนั้นเมื่อจำเลยที่ ๔ ได้ทำสัญญาเช่าช่วงห้องพิพาทโดยตรงกับเทศบาลเมืองขอนแก่นแล้ว ศาลย่อมไม่อาจบังคับให้จำเลยที่ ๑ ทำสัญญาให้โจทก์เช่าช่วงห้องพิพาทอันเป็นการกระทบกระเทือนถึงสิทธิของเทศบาลเมืองขอนแก่นซึ่งเป็นบุคคลนอกคดีและมิได้ถูกฟ้องร้องหรือถูกเรียกเข้ามาเป็นจำเลยร่วมด้วย ทั้งโจทก์มิได้ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาเช่าระหว่างจำเลยที่ ๔ กับเทศบาลเมืองขอนแก่นแต่อย่างใด กรณีจึงต้องบังคับตามคำขอลำดับต่อไปของโจทก์ที่ขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ใช้ค่าสินไหมทดแทน
พิพากษายืน

Share