แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยมีอาชีพรับซ่อมรถ โดยปกติย่อมมีหน้าที่ระวังรักษาตัวรถที่รับจ้างซ่อมเท่านั้น ไม่อาจรู้ได้ว่าภายในรถมีสิ่งของมีค่าอย่างอื่นอยู่ด้วยหรือไม่เว้นแต่เจ้าของรถหรือผู้นำรถมาซ่อมจะได้บอกกล่าวหรือมอบฝากไว้ เพื่อจำเลยจะได้ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษนอกเหนือจากตัวรถ ดังนั้น เมื่อลูกจ้างของโจทก์นำรถมาซ่อมที่อู่ของจำเลยโดยไม่ได้บอกกล่าวให้จำเลยทราบว่าในรถมีสินค้ามีค่าสูงบรรทุกอยู่ในตู้ทึบ และโจทก์มิได้กำชับจำเลยว่าให้มอบรถให้แต่เฉพาะคนที่ขับรถไปซ่อมเท่านั้น การที่จำเลยมอบรถแก่ผู้ที่แอบอ้างเป็นลูกจ้างโจทก์ไปเป็นเหตุให้สินค้าของโจทก์ในรถสูญหายย่อมถือได้ว่า โจทก์มีส่วนทำความผิดก่อให้เกิดความเสียหายประกอบด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 442 ศาลมีอำนาจกำหนดค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายผู้เสียหายมากน้อยเพียงใดก็ได้โดยอาศัยพฤติการณ์เป็นประมาณ ตามมาตรา 223
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 7/2526)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ให้ลูกจ้างของโจทก์นำรถบรรทุกสินค้าไปซ่อมที่อู่รถของจำเลย ด้วยความประมาทเลินเล่อของจำเลยเป็นเหตุให้บุคคลอื่นลักรถยนต์ดังกล่าวพร้อมด้วยสินค้าในรถไป โจทก์ได้รับรถและสินค้าบางส่วนคืนมาบ้างคงเหลือสินค้าที่ถูกลักไปเป็นเงิน ๔๔๓,๑๘๘ บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า ผู้ที่นำรถมาซ่อมได้รับรถคืนไปแล้ว ในรถไม่มีสินค้าหากมีและสูญหายไปก็เกิดจากความประมาทของโจทก์หรือตัวแทน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยมีส่วนประมาทอยู่บ้าง แต่โจทก์เป็นฝ่ายประมาทเลินเล่อมากกว่า เพราะไม่ได้แจ้งให้จำเลยทราบว่าในรถมีสินค้ามีค่าอยู่เต็มคัน โจทก์จะให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเต็มจำนวนไม่ได้ พิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ๓๐,๐๐๐ บาท
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า โจทก์มีส่วนประมาทเลินเล่อด้วย สมควรให้โจทก์รับผิดกึ่งหนึ่ง พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ๒๒๑,๕๙๔ บาท
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายโดยมติที่ประชุมใหญ่ว่า มีปัญหาต่อไปตามที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ไม่จำต้องบอกกล่าวถึงสินค้าในรถ จำเลยต้องใช้ราคาสินค้าของโจทก์ที่สูญหายไปเพราะการทำละเมิดของจำเลยทั้งหมด ศาลจะกำหนดค่าเสียหายให้จำเลยรับผิดไม่ได้ ศาลฎีกาได้วินิจฉัยปัญหานี้โดยที่ประชุมใหญ่แล้ว เห็นว่าจำเลยมีอาชีพรับซ่อมรถ โดยปกติก็ย่อมมีหน้าที่ระวังรักษาตัวรถที่รับจ้างซ่อมเท่านั้น ไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าภายในรถมีสิ่งของมีมูลค่าอย่างอื่นอยู่ด้วยหรือไม่ เว้นแต่เจ้าของรถหรือผู้นำรถเข้าซ่อมจะได้บอกกล่าวหรือไม่มอบฝากไว้เพื่อจำเลยจะได้ใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษนอกเหนือจากตัวรถ เมื่อนายยศยงลูกจ้างของโจทก์นำรถมาซ่อมที่อู่ของจำเลย โดยไม่ได้บอกกล่าวให้จำเลยที่ ๒ ผู้รับรถไว้ทราบว่ารถคันนั้นมีสินค้ามีมูลค่าสูงบรรทุกอยู่ในตู้ทึบด้วย จำเลยทั้งสองหรือช่างซ่อมรถของจำเลยก็ไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าภายในตู้ทึบนั้นมีสินค้าบรรจุอยู่หรือเป็นรถเปล่า ทั้งโจทก์ก็มิได้กำชับจำเลยว่าให้มอบรถให้เฉพาะแต่คนที่ขับรถไปซ่อมเท่านั้น ซึ่งโจทก์ควรจะกระทำเพราะว่ารถที่นำไปซ่อมมีสินค้าอยู่ด้วยมีมูลค่าสูงกว่าราคารถแต่โจทก์หรือลูกจ้างของโจทก์กลับละเลยหาได้เตือนจำเลยไม่ ดังนั้น เมื่อมีผู้แอบอ้างเป็นลูกจ้างโจทก์ขอรับรถไปจากอู่ของจำเลยเป็นเหตุให้สินค้าของโจทก์ในรถสูญหายไป ย่อมถือได้ว่าฝ่ายโจทก์มีส่วนทำความผิดก่อให้เกิดความเสียหายประกอบด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๔๒ ซึ่งศาลมีอำนาจกำหนดค่าสินไหมทดแทนให้ฝ่ายผู้เสียหายมากน้อยเพียงใดก็ได้โดยอาศัยพฤติการณ์เป็นประมาณ ตามมาตรา ๒๒๓ และวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าฝ่ายโจทก์มีส่วนประมาทเลินเล่อยิ่งกว่าฝ่ายจำเลย สมควรกำหนดค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์เพียง ๕๐,๐๐๐ บาท
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เป็นเงิน ๕๐,๐๐๐ บาท