คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 828/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อค่าครองชีพซึ่งรัฐวิสาหกิจจ่ายให้ตามมติของคณะรัฐมนตรีเป็นค่าจ้างประเภทหนึ่งซึ่งจะต้องจ่ายในอัตราเหมาเดือนมิได้จ่ายให้เฉพาะวันที่มาทำงานและไม่มีการหักวันหยุดวันลาต่างๆ อันแตกต่างกับการจ่ายค่าจ้างรายชั่วโมงตามปกติของโจทก์ ดังนั้นการคำนวณค่าล่วงเวลารายชั่วโมงของค่าครองชีพให้แก่โจทก์จึงต้องเอาจำนวนค่าครองชีพหารด้วย 30 คูณด้วย 8(จำนวนชั่วโมงที่โจทก์ทำงานแต่ละวัน) หาใช่เอา21.75 อันเป็นวันทำงานโดยเฉลี่ยของโจทก์ในแต่ละเดือนคูณด้วย 8 มาเป็นตัวหารไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำ ได้รับค่าจ้างเป็นรายชั่วโมงทำงานวันละ 8 ชั่วโมง สัปดาห์หนึ่งทำงาน 5 วัน ไม่มีการจ่ายค่าจ้างในวันหยุดโจทก์ได้รับค่าจ้างจากจำเลยเฉลี่ยเป็นรายเดือนเท่ากับอัตราชั่วโมงคูณด้วยจำนวนชั่วโมงที่ทำงานในหนึ่งวันคูณด้วยจำนวนวันโดยเฉลี่ยต่อหนึ่งเดือน เท่ากับ อัตราค่าจ้างชั่วโมงละ x 8 x 21.75 จำเลยคำนวณค่าจ้างของโจทก์โดยวิธีดังกล่าวในการจ่ายเงินทุกชนิดให้แก่โจทก์ เช่น โบนัส ค่าชดเชยเมื่อเลิกจ้าง แต่เมื่อจำเลยจ่ายค่าครองชีพให้แก่โจทก์เดือนละ 300 บาท จำเลยเฉลี่ยรายชั่วโมงเพื่อนำมาคิดค่าล่วงเวลาโดยวิธีหารเฉลี่ยด้วย เศษ 300 ส่วน 8 x 30 ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในการทำงานของโจทก์และในการคิดค่าจ้างตามปกติให้โจทก์ จำเลยควรจะต้องคำนวณโดยเฉลี่ยจาก เศษ 300 ส่วน 8 x 21.75 จึงจะถูกต้อง เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับค่าจ้างโดยเฉลี่ยของเงินค่าครองชีพน้อยลงเมื่อโจทก์ทำงานล่วงเวลาหรือทำงานในวันหยุด ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด ค่าล่วงเวลาในวันหยุดที่ขาดไปและให้จำเลยคิดเฉลี่ยเงินค่าครองชีพเป็นรายชั่วโมงโดยถือเอา 8 x 21.75 เป็นตัวหารตั้งแต่วันฟ้องเป็นต้นไป

จำเลยให้การว่า การที่จำเลยจ่ายค่าครองชีพโดยใช้ 30 เป็นตัวหารนั้นปฏิบัติตามติดคณะรัฐมนตรี จำเลยเฉลี่ยอัตราค่าครองชีพสำหรับลูกจ้างรายชั่วโมงโดยใช้สูตร เศษ 300 ส่วน 8 x 30 ค่าครองชีพถือเป็นค่าจ้างอีกประเภทหนึ่งซึ่งจ่ายในอัตราเหมาเดือน ไม่มีการหักวันหยุด วันลาต่าง ๆ แตกต่างจากค่าแรงปกติ ซึ่งจะหักวันหยุด วันลาต่าง ๆ คงจ่ายเฉพาะวันเวลาที่โจทก์ทำงานจริง ๆ เท่านั้น การจ่ายค่าแรงให้โจทก์ถือว่าในหนึ่งเดือน โจทก์จะมีเวลาทำงาน 21.75 วัน จำเลยไม่สามารถจ่ายค่าครองชีพให้โจทก์โดยการคำนวณเฉลี่ยจาก เศษ 300 ส่วน 8 x 21.75 ตามฟ้องได้ ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า จำเลยคำนวณจำนวนเงินค่าล่วงเวลาและค่าทำงานในวันหยุดให้โจทก์ถูกต้องแล้ว พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ตามหนังสือสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ด่วนมาก ที่ สร. 0202/ว. 207 ลงวันที่ 28 ตุลาคม 2523ถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แจ้งมติคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้จ่ายเงินค่าครองชีพแก่พนักงานและลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจมีความดังนี้ “1.1 กรณีที่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างรายเดือนให้จ่ายเงินค่าครองชีพในอัตราเดือนละ400 บาท สำหรับผู้ที่ได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างเท่ากับหรือต่ำกว่า 3,030 บาทต่อเดือน หรือในอัตราเดือนละ 300 บาท สำหรับผู้ที่ได้รับเงินเดือนหรือค่าจ้างเกินกว่า 3,030 บาท แต่ไม่เกิน 5,650 บาทต่อเดือน” “1.2 กรณีที่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างรายวันให้ได้รับเงินค่าครองชีพดังกล่าวตามข้อ 1.1 หารด้วย 30″จะเห็นว่าการจ่ายค่าครองชีพนี้เป็นค่าจ้างประเภทหนึ่งซึ่งจะต้องจ่ายในอัตราเหมาเดือน มิได้จ่ายให้เฉพาะวันที่มาทำงาน และไม่มีการหักวันหยุด วันลาต่าง ๆ อันแตกต่างกับการจ่ายค่าจ้างของโจทก์ตามปกติซึ่งถือว่าในหนึ่งเดือนจะมีเวลาทำงาน 21.75 วัน ทั้งในกรณีที่เป็นพนักงานหรือลูกจ้างรายวันตามข้อ 1.2 ก็กำหนดให้หารด้วย 30 ฉะนั้น ที่จำเลยใช้ 30 เป็นตัวหารจึงถูกต้องตามมติคณะรัฐมนตรีแล้ว

พิพากษายืน

Share