แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ทำสัญญาขายที่ดินมีโฉนดสองแปลงให้แก่จำเลย มีสาระสำคัญว่าโจทก์ผู้ขายจะมอบใบอนุญาตให้ทำการก่อสร้างสถานีขนส่งของบริษัทขนส่ง จำกัด และจะมอบใบอนุญาตให้ทำถนนเชื่อมกับทางหลวงสายเอเซียตลอดแนวด้านหน้าของที่ดิน หากผู้ขายไม่สามารถนำใบอนุญาตและทำการโอนชื่อให้ผู้ซื้อตามรายการดังกล่าวภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2521 ผู้ขายยินยอมให้ปรับโดยยกกรรมสิทธิ์ที่ดินตามสัญญาให้ผู้ซื้อโดยผู้ซื้อไม่ต้องชำระเงินส่วนที่เหลือ เมื่อได้ความว่าการก่อสร้างสถานีขนส่งนั้นความจริงเป็นการก่อสร้างสถานีเดินรถซึ่งบริษัทขนส่ง จำกัด ไม่อาจออกใบอนุญาตให้ก่อสร้างได้ ข้อกำหนดเบี้ยปรับในกรณีนี้จึงมีวัตถุที่ประสงค์เป็นการพ้นวิสัย เป็นโมฆะกรรม ไม่มีผลบังคับ ส่วนเรื่องใบอนุญาตให้ก่อสร้างถนนจากที่ดินเชื่อมกับทางหลวงสายเอเซียนั้น ได้ความว่าให้ขออนุญาตเมื่อสร้างสถานีเดินรถเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่แม้กำหนดเวลาที่โจทก์จะต้องมอบใบอนุญาตให้จำเลยที่ 1 ได้ล่วงพ้นไปแล้ว จำเลยที่ 1 ก็ยังมิได้ดำเนินการก่อสร้างสถานีเดินรถขึ้น ย่อมเป็นเหตุขัดข้องที่โจทก์จะขอใบอนุญาตมามอบให้จำเลยที่ 1 ในเวลาที่กำหนดในสัญญา การที่โจทก์จะชำระหนี้ในเรื่องนี้จึงเป็นพ้นวิสัยเพราะพฤติการณ์ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังที่ได้ก่อหนี้ และซึ่งโจทก์ไม่ต้องรับผิดชอบโจทก์จึงหลุดพ้นจากการชำระหนี้ดังกล่าว จำเลยที่ 1 ไม่มีสิทธิปรับโจทก์ตามสัญญาและจำเลยทั้งสองต้องร่วมกันรับผิดชำระราคาที่ดินตามฟ้อง
ความรับผิดของจำเลยเป็นการชำระหนี้ตามสัญญาต่างตอบแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 369 โจทก์ยังไม่ได้โอนที่ดินตามสัญญาซื้อขายให้จำเลยครบถ้วน ทั้งไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ขอปฏิบัติการชำระหนี้ในเรื่องนี้ ดังนั้นจะถือว่าจำเลยผิดนัดแล้วมิได้ จำเลยไม่ต้องรับผิดชำระค่าดอกเบี้ย
เมื่อให้จำเลยชำระราคาที่ดินส่วนที่ค้างชำระ ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้โจทก์โอนที่ดินตามสัญญาซื้อขายแปลงที่ยังไม่ได้โอนได้ เพราะเป็นการชำระหนี้ตามสัญญาต่างตอบแทน(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2430/2516)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน ๒ แปลง โฉนดที่ ๒๐๕๕ และ น.ส.๓ เลขที่ ๒๔ (ต่อมาออกเป็นโฉนดที่ ๓๓๓๔) เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๗ โจทก์เสนอยกที่ดินแปลง น.ส.๓ บางส่วนให้บริษัทขนส่ง จำกัด โดยโจทก์จะสร้างสถานีขนส่งให้โดยไม่คิดมูลค่า บริษัทขนส่ง จำกัด ตอบยอมรับข้อเสนอของโจทก์ แต่ก่อนที่โจทก์จะทำการก่อสร้างจำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ หุ้นส่วนผู้จัดการได้ขอซื้อที่ดินทั้งสองแปลงตามเนื้อที่ที่เหลืออยู่โดยมีเงื่อนไขว่าต้องให้จำเลยที่ ๑ เป็นผู้ก่อสร้างสถานีขนส่งและโจทก์ต้องมอบหนังสือของบริษัทขนส่ง จำกัด ที่ยอมรับข้อเสนอของโจทก์กับแบบแปลนการก่อสร้างให้จำเลยโจทก์ตกลงและทำสัญญาซื้อขายที่ดินกัน จำเลยได้ชำระราคาแล้วส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือออกเช็คลงวันที่ล่วงหน้ารวม ๑๑ ฉบับมอบให้โจทก์ ต่อมาจำเลยสั่งอายัดเช็คและจำเลยที่ ๑ ได้ฟ้องโจทก์ขอให้ส่งเช็คคืนโดยอ้างว่าโจทก์ผิดสัญญาไม่มอบใบอนุญาตให้ทำการก่อสร้างสถานีขนส่งโอนให้จำเลยเป็นผู้ดำเนินการ จึงต้องถูกปรับด้วยการยกที่ดินให้จำเลยตามสัญญา ความจริงโจทก์เข้าใจว่าใบอนุญาตที่ระบุในสัญญาก็คือเอกสารท้ายฟ้องหมาย ๒ ถึง ๕ ทั้งบริษัทขนส่ง จำกัด ก็ไม่มีสิทธิออกใบอนุญาตให้ทำการก่อสร้างได้ เงื่อนไขในสัญญาข้อนี้จึงเป็นการพ้นวิสัย ตกเป็นโมฆะ จำเลยต้องชำระราคาที่ดินตามสัญญา สำหรับเช็ค ๑๑ ฉบับ โจทก์โอนให้บุคคลภายนอกไป ๕ ฉบับ จำเลยได้ชำระเงินตามเช็คให้บุคคลภายนอกไปแล้วส่วนเช็คที่ยังอยู่ที่โจทก์รับเงินไม่ได้ โจทก์จึงยังไม่ได้รับเงินค่าที่ดินส่วนที่เหลือขอบังคับจำเลยร่วมกันชำระราคาที่ดินที่เหลือให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ตกลงขายที่ดินให้จำเลยที่ ๑ เต็มเนื้อที่ทั้งสองแปลง ตามสัญญาซื้อขายโจทก์จะต้องมอบใบอนุญาตให้ก่อสร้างสถานีขนส่งกับใบอนุญาตให้ทำถนนจากสถานีขนส่งเชื่อมกับทางหลวงสายเอเซียให้แก่จำเลยและโอนใบอนุญาตนั้นให้จำเลยเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง หากทำไม่ได้ภายในวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๑ โจทก์ยอมยกกรรมสิทธิ์ที่ดินตามสัญญาซื้อขายให้จำเลยที่ ๑ โดยไม่ต้องชำระราคาที่ดินส่วนที่เหลือ เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๒ ถึง ๕ ไม่ใช่ใบอนุญาตที่โจทก์จะต้องมอบให้จำเลยตามสัญญา โจทก์มิได้สำคัญผิด โจทก์ผิดนัดไม่มอบใบอนุญาตดังกล่าว เมื่อโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาจึงต้องโอนที่ดินโฉนดที่ ๓๓๓๔ ให้จำเลยที่ ๑ โดยจำเลยไม่ต้องชำระราคาอีก ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินตามฟ้องให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ ได้ขอซื้อที่ดินทั้งสองแปลงของโจทก์โดยมีความประสงค์จะจัดทำเป็นศูนย์ขนส่งและศูนย์การค้า ได้ทำสัญญาซื้อขายและโจทก์ได้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ ๒๐๕๕ ให้จำเลยที่ ๑ ไปแล้ว ส่วนที่ดินแปลง น.ส.๓ ต่อมาโจทก์ขอออกเป็นโฉนดที่ ๓๓๓๔ แต่ก็ยังไม่ได้โอนให้จำเลยที่ ๑ ตลอดมา จำเลยไม่ยอมชำระราคาที่ดินที่เหลือตามฟ้องโดยอ้างว่าโจทก์ไม่มอบใบอนุญาตให้ทำการก่อสร้างสถานีขนส่งของบริษัทขนส่งจำกัด และใบอนุญาตให้ทำถนนจากที่ดินเชื่อมกับทางหลวงสายเอเซียโอนให้จำเลยที่ ๑ ตามสัญญาข้อ ๖ จำเลยมีสิทธิปรับโจทก์โดยไม่ต้องชำระราคาที่ดินส่วนที่เหลือ คดีมีปัญหาในชั้นฎีกาว่า จำเลยที่ ๑ มีสิทธิปรับโจทก์ตามสัญญาหรือไม่
สัญญาซื้อขายที่ดินข้อ ๖ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับเรื่องเบี้ยปรับว่า โจทก์ผู้ขายจะมอบใบอนุญาตให้ทำการก่อสร้างสถานีขนส่งของบริษัทขนส่ง จำกัด และทำการโอนใส่ชื่อจำเลยที่ ๑ ผู้ซื้อเป็นผู้ดำเนินงาน และจะมอบใบอนุญาตให้ทำถนนเชื่อมกับทางหลวงสายเอเซียตลอดแนวด้านหน้าของที่ดินและทำการโอนชื่อให้เป็นของผู้ซื้อดำเนินงานต่อไป หากผู้ขายไม่สามารถนำใบอนุญาตและทำการโอนชื่อให้ผู้ซื้อตามรายการดังกล่าวภายในวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๑ ผู้ขายยินยอมให้ปรับโดยยกกรรมสิทธิ์ที่ดินตามสัญญาให้ผู้ซื้อ โดยผู้ซื้อไม่ต้องชำระเงินส่วนที่เหลือ ได้ความว่าการก่อสร้างตามข้อเสนอของโจทก์เป็นการสร้างสถานีเดินรถซึ่งบริษัทขนส่ง จำกัด ไม่มีหน้าที่ออกใบอนุญาต จะมอบแต่แบบแปลนแผนผังในการก่อสร้างให้เท่านั้น เป็นหน้าที่ของผู้ก่อสร้างที่จะต้องติดต่อขออนุญาตจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเอง แสดงว่าบริษัทขนส่ง จำกัด ไม่อาจออกใบอนุญาตให้ก่อสร้างสถานีเดินรถได้ ข้อกำหนดเบี้ยปรับในกรณีนี้จึงมีวัตถุที่ประสงค์เป็นการพ้นวิสัย เป็นโมฆะกรรมไม่มีผลบังคับ ส่วนเรื่องใบอนุญาตให้ก่อสร้างถนนจากที่ดินเชื่อมกับทางหลวงสายเอเซียนั้นฟังได้ว่า ถ้าสร้างสถานีเดินรถเสร็จเรียบร้อยก็จะได้รับอนุญาต แสดงว่าให้ขออนุญาต เมื่อสร้างสถานีเดินรถเสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อโจทก์ตกลงขายที่ดินให้จำเลยที่ ๑ แล้ว หากจำเลยที่ ๑ ประสงค์จะสร้างสถานีเดินรถก็เป็นสิทธิของจำเลยที่ ๑ แต่ก็ได้ความว่า แม้กำหนดเวลาที่โจทก์จะต้องมอบใบอนุญาตให้จำเลยที่ ๑ ตามสัญญาข้อ ๖ ได้ล่วงพ้นไปแล้ว จำเลยที่ ๑ ก็ยังมิได้ดำเนินการก่อสร้างสถานีเดินรถขึ้นแต่ประการใด ดังนั้นย่อมเป็นเหตุขัดข้องที่โจทก์จะขอใบอนุญาตมามอบให้จำเลยที่ ๑ ในเวลาที่กำหนดในสัญญาได้ การที่โจทก์จะชำระหนี้ในเรื่องนี้จึงกลายเป็นพ้นวิสัยจะทำได้เพราะพฤติการณ์ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังที่ได้ก่อหนี้และซึ่งโจทก์ไม่ต้องรับผิดชอบ โจทก์จึงหลุดพ้นจากการชำระหนี้ดังกล่าว จำเลยที่ ๑ ไม่มีสิทธิปรับโจทก์ตามสัญญา จำเลยทั้งสองต้องร่วมกันรับผิดชำระราคาที่ดินตามฟ้อง
ที่โจทก์เรียกร้องค่าดอกเบี้ยกรณีผิดนัดมาด้วยนั้น เห็นว่าความรับผิดของจำเลยเป็นการชำระหนี้ตามสัญญาต่างตอบแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๖๙ โจทก์ยังไม่ได้โอนที่ดินตามสัญญาซื้อขายให้จำเลยครบถ้วน ทั้งไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้ขอปฏิบัติการชำระหนี้ในเรื่องนี้ ดังนั้นจะถือว่าจำเลยผิดนัดแล้วมิได้ จำเลยไม่ต้องรับผิดชำระค่าดอกเบี้ย อนึ่งเมื่อให้จำเลยชำระราคาที่ดินส่วนที่ค้างชำระ ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้โจทก์โอนที่ดินตามสัญญาซื้อขายแปลงที่ยังไม่ได้โอนได้ เพราะเป็นการชำระหนี้ตามสัญญาต่างตอบแทน เทียบเคียงตามคำพิพากษาฎีกาที่ ๒๔๓๐/๒๕๑๖
พิพากษากลับ ให้จำเลยทั้งสองชำระราคาที่ดินที่ค้างชำระให้แก่โจทก์และให้โจทก์โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ ๓๓๓๔ ตามฟ้องให้จำเลยที่ ๑