คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 125/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีร้องขัดทรัพย์ซึ่งมีทุนทรัพย์เกินกว่าห้าหมื่นบาท ผู้พิพากษานายเดียวตรวจคำร้องขอแล้วมีคำสั่งยกคำร้องขอ เป็นการไม่ชอบด้วยพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 21(2) เพราะเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแห่งคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 131(2) และเป็นกรณีที่ต้องมีผู้พิพากษาเป็นองค์คณะพิจารณาพิพากษาอย่างน้อยสองนาย ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 22, 23 เมื่อศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ยังไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษา ศาลฎีกาพิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยให้ศาลชั้นต้นดำเนินการให้ถูกต้องโดยให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งใหม่ให้มีผู้พิพากษาครบองค์คณะ

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องจากจำเลยทั้งสามไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์จึงนำยึดที่ดิน น.ส.๓ เลขที่ ๑๗๖ และเลขที่ ๑๙๓ เพื่อขายทอดตลาด ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นหุ้นส่วนกับจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ซื้อที่ดินดังกล่าว โดยจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ตกลงจะแบ่งแยกที่ดินเป็นส่วนสัดให้ผู้ร้องในเมื่อจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ได้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปหมดสิ้น ตั้งแต่เริ่มซื้อที่ดินจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ยอมให้ผู้ร้องเข้าครอบครองใช้ประโยชน์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในที่ดินดังกล่าวตลอดมาจนถึงวันยื่นคำร้องขอ ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึดเฉพาะส่วนที่ผู้ร้องถือสิทธิครอบครอง
ศาลชั้นต้นตรวจคำร้องขอแล้วมีคำสั่งยกคำร้องขอ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ ผู้พิพากษานายเดียวตรวจคำร้องขอแล้วมีคำสั่งยกคำร้องขอ เป็นการวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแห่งคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๓๑(๒) จึงไม่ชอบด้วยพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา ๒๑(๒) ทั้งเป็นคดีมีทุนทรัพย์เกินกว่าห้าหมื่นบาท จะต้องมีผู้พิพากษาอย่างน้อยสองนายจึงจะเป็นองค์คณะพิจารณาพิพากษาคดีนี้ได้ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา ๒๒, ๒๓ กรณีเป็นเรื่องศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ยังไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษา จำต้องให้ศาลชั้นต้นดำเนินการให้ถูกต้องเสียก่อน
พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งใหม่ให้มีผู้พิพากษาครบองค์คณะ

Share