คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3470/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. 2505 มาตรา 5 ได้บัญญัติให้ผู้มีสิทธิที่จะขอให้นายทะเบียนออกบัตรประจำตัวประชาชนได้ต้องเป็นผู้ที่มีสัญชาติไทย เมื่อจำเลยเป็นคนต่างด้าวจึงไม่มีสิทธิที่จะขอมีบัตรประจำตัวประชาชนได้โดยชอบด้วยกฎหมาย การที่จำเลยอ้างและนำหลักฐานแสดงต่อนายทะเบียน เพื่อขอมีบัตรประจำตัวประชาชนจึงเป็นการแจ้งเท็จต่อเจ้าพนักงาน แม้จำเลยจะเคยมีบัตรประจำตัวประชาชนที่นายทะเบียนเคยออกให้มาก่อน เพราะหลงเชื่อว่าจำเลยมีสัญชาติไทยก็ตาม ก็หาใช่เป็นข้ออ้างที่จะนำมาใช้เพื่อขอให้มีการทำบัตรใหม่แทนฉบับเดิมที่หมดอายุ ซึ่งได้มาโดยไม่ถูกต้องและฝ่าฝืนกฎหมายนั้นไม่
การอ้างสัญชาติของจำเลยต่อนายทะเบียนในครั้งก่อน และครั้งหลังแม้จะเป็นการอ้างและนำหลักฐานแสดงความเป็นสัญชาติไทยอันเป็นเท็จ ในลักษณะเดียวกันก็ตาม แต่ก็เป็นการอ้างและนำหลักฐานแสดงเท็จต่อนายทะเบียนคนละเวลาต่างกรรมต่างวาระกัน เป็นการกระทำความผิดซ้ำขึ้นมาใหม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นคนต่างด้าว เชื้อชาติและสัญชาติเวียดนามได้แจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อหัวหน้างานทะเบียนเขตบางกะปิว่าจำเลยเป็นคนสัญชาติไทยมีสิทธิขอมีบัตรประจำตัวประชาชนได้ตามกฎหมาย จึงได้ยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานดังกล่าวเพื่อขอเปลี่ยนบัตรประจำตัวประชาชนใหม่ เพราะบัตรเก่าหมดอายุ เจ้าพนักงานหลงเชื่อว่าจำเลยเป็นคนสัญชาติไทยจึงได้ดำเนินการเปลี่ยนบัตรประจำตัวประชาชนให้จำเลยตามคำขอ ทำให้เจ้าพนักงานและประชาชนเสียหาย ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๗ พระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. ๒๕๐๕ มาตรา ๑๗
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ลงโทษตามพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. ๒๕๐๕ มาตรา ๑๗ ซึ่งเป็นบทหนักให้จำคุกจำเลย ๖ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า จำเลยได้รับบัตรประจำตัวประชาชนอยู่ก่อนแล้วซึ่งมีอายุใช้ได้ ๖ ปีแสดงว่าเมื่อ ๖ ปีก่อนจำเลยได้เคยแจ้งเท็จเกี่ยวกับสัญชาติในการขอมีบัตรประจำตัวประชาชนแล้วครั้งหนึ่ง หากจะมีการแจ้งเท็จในการขอเปลี่ยนบัตรประจำตัวใหม่แทนฉบับเก่าในครั้งนี้ ก็เป็นการแจ้งข้อความซ้ำหรือย้ำข้อความเดิมที่เคยได้แจ้งมาแล้วนั่นเอง หาได้มีข้อความเท็จอันใดเกิดขึ้นมาใหม่ไม่ หากจะถือว่าจำเลยกระทำความผิดฐานแจ้งความเท็จก็น่าจะมีและเกิดขึ้นครั้งเดียวคือเมื่อ ๖ ปีก่อน นับถึงวันที่โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดคดีนี้เป็นเวลาล่วงเลยมากว่า ๕ ปี คดีโจทก์จึงขาดอายุความ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวประชาชน พ.ศ. ๒๕๐๕ มาตรา ๕ ได้บัญญัติให้ผู้มีสิทธิที่จะขอให้นายทะเบียนออกบัตรประจำตัวประชาชนได้ต้องเป็นผู้ที่มีสัญชาติไทย เมื่อจำเลยเป็นคนต่างด้าว อ้างและนำหลักฐานแสดงต่อนายทะเบียนเพื่อขอมีบัตรประจำตัวประชาชนดังกล่าว จึงเป็นการแจ้งเท็จต่อเจ้าพนักงานแม้จำเลยจะเคยมีบัตรประจำตัวประชาชนที่นายทะเบียนเคยออกให้มาก่อนก็ตามก็หาใช่เป็นข้ออ้างที่จะนำมาใช้เพื่อขอให้มีการทำบัตรใหม่แทนฉบับเดิมซึ่งไม่ถูกต้องและฝ่าฝืนกฎหมายนั้นไม่ การอ้างสัญชาติของจำเลยต่อนายทะเบียนในครั้งก่อนและครั้งหลัง แม้จะเป็นการอ้างและนำหลักฐานแสดงความเป็นสัญชาติไทยอันเป็นเท็จในลักษณะเดียวกันก็ตาม แต่ก็เป็นการอ้างและนำหลักฐานแสดงเท็จต่อนายทะเบียนคนละเวลาต่างกรรมต่างวาระกัน เมื่อจำเลยยังบังอาจนำความอันเป็นเท็จแจ้งต่อนายทะเบียนซึ่งเป็นเจ้าพนักงานเพื่อขอให้ออกบัตรประจำตัวประชาชนใหม่เช่นนี้การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำความผิดซ้ำขึ้นมาใหม่อีก การกระทำอันเป็นความผิดของจำเลยหาได้เกลื่อนกลืนและเป็นเหตุให้ขาดอายุความดังจำเลยอ้างไม่
พิพากษายืน

Share