คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2214/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 277 เป็นเรื่องเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเชื่อว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษามีทรัพย์สินที่จะต้องถูกบังคับมากกว่าที่ตนทราบ อาจขอให้ทำการไต่สวนและออกหมายเรียกลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือบุคคลอื่นที่เชื่อว่าอยู่ในฐานะที่จะให้ถ้อยคำอันเป็นประโยชน์มาในการไต่สวน แต่เมื่อกรณีเป็นเรื่องที่โจทก์ทราบอยู่แล้วว่าจำเลยมีรถยนต์ซึ่งโจทก์ประสงค์จะยึดเพื่อบังคับคดี จึงเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะสืบเสาะที่อยู่ของทรัพย์เพื่อนำยึด จะนำบทบัญญัติ มาตรา 277 มาใช้บังคับมิได้

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยคืนรถยนต์บรรทุกตามสัญญาซื้อขายมีเงื่อนไข หากคืนไม่ได้ก็ให้ใช้ราคา ผลที่สุดโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยจำเลยยอมชำระเงินให้โจทก์โดยวิธีผ่อนชำระเป็นงวด ๆ ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีตามยอม คดีถึงที่สุด
จำเลยผิดนัดไม่ชำระเงินตามกำหนด ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีตามคำขอของโจทก์ ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่า โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดรถยนต์คันที่โจทก์ขายให้จำเลยแต่ไม่พบ นายเสรีเป็นผู้ทราบดีว่ารถยนต์เก็บรักษาไว้ ณ ที่ใด ขอให้ออกหมายเรียกนายเสรีทำการไต่สวน
ศาลชั้นต้นสั่งว่า การบังคับคดีเป็นเรื่องที่โจทก์ดำเนินการ ยังไม่มีเหตุที่จะเรียกบุคคลภายนอกมาสอบถาม
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่าโจทก์เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษามีสิทธิขอให้ออกหมายเรียกบุคคลอื่นที่จะให้ถ้อยคำอันเป็นประโยชน์เกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้มาไต่สวนได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๗๗ นั้น เห็นว่าบทบัญญัติของกฎหมายที่โจทก์อ้างเป็นเรื่องเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา เชื่อว่าลูกหนี้ตามคำพิพากษามีทรัพย์สินที่จะต้องถูกบังคับมากกว่าที่ตนทราบ อาจขอให้ศาลทำการไต่สวนและออกหมายเรียกลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือบุคคลอื่นที่เชื่อว่าอยู่ในฐานะที่จะให้ถ้อยคำอันเป็นประโยชน์มาในการไต่สวน แต่กรณีของโจทก์เป็นเรื่องที่โจทก์ทราบอยู่แล้วว่าจำเลยมีรถยนต์ซึ่งโจทก์ประสงค์จะยึดเพื่อบังคับคดีเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะสืบเสาะที่อยู่ของทรัพย์เพื่อนำยึด จะนำบทบัญญัติมาตรา ๒๗๗ มาใช้บังคับมิได้
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share