แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนขายที่พิพาทให้แก่โจทก์ จำเลยฟ้องแย้งอ้างว่าที่พิพาทเป็นมรดกตกได้แก่จำเลย ขอให้ขับไล่โจทก์ออกจากที่พิพาทและเรียกค่าเสียหายศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องแย้ง โดยฟังว่าจำเลยมิได้รับความเสียหาย แต่ไม่ได้วินิจฉัยว่าจะให้ขับไล่โจทก์ตามฟ้องแย้งหรือไม่ จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยคำพิพากษาและคำสั่ง ซึ่งศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้นเสียแล้วส่งสำนวนคืนไปยังศาลชั้นต้น เพื่อให้พิพากษาใหม่ได้ตามมาตรา 243(1) แต่คดีนี้ศาลอุทธรณ์เห็นว่าสมควรวินิจฉัยไปเลยทีเดียว โดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไปก็ชอบที่จะกระทำได้ กรณีมิใช่เป็นการพิพากษาเกินคำขอท้ายฟ้องอุทธรณ์ดังนั้นแม้จำเลยจะอุทธรณ์แต่ในเรื่องค่าเสียหาย ศาลอุทธรณ์ก็พิพากษาให้ขับไล่โจทก์ด้วยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า สิบตำรวจตรีปัญญาได้ขายที่ดินให้แก่โจทก์ ๓ แปลง การซื้อขายไม่ได้ทำสัญญาเป็นหนังสือ แต่สิบตำรวจตรีปัญญาได้รับเงินค่าที่ดินไว้แล้ว และมอบที่ดินพร้อมทั้งหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่โจทก์ โดยรับรองว่าจะไปโอนให้ภายใน ๑๕ วัน แต่ได้ถึงแก่กรรมไปเสียก่อน โจทก์ได้ครอบครองที่ดินด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันตลอดมาจนได้สิทธิครอบครองแล้ว ขอให้จำเลยในฐานะทายาทของสิบตำรวจตรีปัญญาไปจดทะเบียนโอนที่ดินให้แก่โจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า สิบตำรวจตรีปัญญาบิดาของจำเลยไม่เคยขายที่ดินให้แก่โจทก์ จำเลยเป็นผู้ได้รับมรดกที่ดินพิพาท โจทก์ทำให้พืชผลในที่พิพาทเสียหายคิดเป็นเงิน ๓๔,๐๐๐ บาท ขอให้ยกฟ้องโจทก์ และขับไล่โจทก์ออกจากที่พิพาท กับให้ใช้ค่าเสียหายแก่จำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งยืนยันข้อเท็จจริงเดิม ปฏิเสธความรับผิดตามฟ้องแย้ง ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าโจทก์ไม่ได้ซื้อที่พิพาทและไม่ได้สิทธิครอบครองส่วนจำเลยมิได้รับความเสียหายตามฟ้องแย้ง พิพากษายกฟ้องโจทก์และยกฟ้องแย้ง
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงเช่นเดียวกับศาลชั้นต้น แต่ไม่เห็นด้วยที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องแย้งในข้อที่ขอให้ขับไล่โจทก์ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ขับไล่โจทก์ออกจากที่พิพาท คำขออื่นตามฟ้องแย้งนอกจากนี้ให้ยก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ส่วนฎีกาโจทก์ที่ว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาขับไล่โจทก์เป็นการเกินคำขอท้ายฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองนั้น เห็นว่าจำเลยทั้งสองฟ้องแย้งอ้างว่าที่พิพาทเป็นมรดกของสิบตำรวจตรีปัญญาตกได้แก่จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นทายาท ขอให้ขับไล่โจทก์ออกจากที่พิพาทและเรียกค่าเสียหายศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องแย้งโดยฟังว่าจำเลยทั้งสองมิได้รับความเสียหายตามฟ้องแย้ง แต่มิได้วินิจฉัยว่าจะให้ขับไล่โจทก์ตามฟ้องแย้งหรือไม่ จึงเป็นการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยคำพิพากษาและคำสั่งซึ่งศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้นเสีย แล้วส่งสำนวนคืนไปยังศาลชั้นต้นเพื่อให้พิพากษาใหม่ได้ตามมาตรา ๒๔๓(๑) แต่คดีนี้ศาลอุทธรณ์เห็นว่าสมควรวินิจฉัยไปเลยทีเดียวโดยไม่จำต้องย้อนสำนวนไป ก็ชอบที่จะกระทำได้กรณีมิใช่เป็นการพิพากษาเกินคำขอท้ายฟ้องอุทธรณ์ดังที่โจทก์ฎีกา ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน
พิพากษายืน