คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1542/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินของโจทก์และจำเลยอยู่ติดต่อกัน จำเลยตกลงยอมให้โจทก์ทำถนนในในที่ดินของจำเลย เพื่อโจทก์และผู้อื่นที่อาศัยอยู่ในที่ดินของโจทก์ใช้เป็นทางเข้าออกได้ ดังนี้เมื่อจำเลยยังไม่ได้ปิดกั้นถนนดังกล่าว โจทก์ก็ฟ้องจำเลยไม่ได้ เพราะยังไม่มีการโต้แย้งสิทธิของโจทก์เกิดขึ้น
การที่ถนนซึ่งโจทก์ทำขึ้นจะเป็นทางสาธารณะหรือไม่ ย่อมเป็นไปตามสภาพของการใช้ ไม่จำต้องให้ศาลมีคำสั่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินของจำเลยส่วนที่โจทก์ทำถนนไว้ตามข้อตกลงเป็นทางสาธารณะ และให้จำเลยทำการแบ่งแยกและจดทะเบียนเป็นทางสาธารณะ
จำเลยให้การว่า จำเลยเคยทำสัญญาตกลงให้โจทก์ทำถนนในที่ดินของจำเลยจริงแต่โจทก์ไม่ทำถนนให้ถูกต้องตามข้อสัญญา และไม่สุจริต จำเลยยังมิได้เจตนายกที่ดินส่วนที่ทำถนนให้เป็นทางสาธารณะ อย่างไรก็ตามจำเลยยังไม่ได้ปิดกั้นถนนดังกล่าว โจทก์ไม่ได้รับความเสียหาย จึงยังไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ปรากฏตามคำฟ้องว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้เพราะโจทก์ที่ ๑ จัดสรรที่ดินขาย ผู้อยู่ในที่จัดสรรต้องใช้ถนนสายนี้ หากจำเลยหรือผู้รับโอนที่ดินจากจำเลยปิดกั้นจะทำให้โจทก์ที่ ๑ และผู้อยู่ในที่จัดสรรเสียหาย ศาลฎีกาเห็นว่าตราบใดที่จำเลยยังไม่ได้ปิดกั้นถนน โจทก์และผู้อยู่ในที่จัดสรรก็คงใช้ถนนได้เช่นปกติ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งยังไม่มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้น ส่วนที่โจทก์มีคำขอให้ศาลสั่งว่าถนนเป็นทางสาธารณะให้จำเลยแบ่งแยกโฉนดและจดทะเบียน เป็นทางสาธารณะนั้นก็เห็นว่าถนนดังกล่าวจะเป็นทางสาธารณะหรือไม่ ย่อมเป็นไปตามสภาพของการใช้ไม่จำต้องให้ศาลมีคำสั่ง เมื่อข้อเท็จจริงตามคำฟ้องได้ความว่า โจทก์ยังไม่ถูกจำเลยโต้แย้งสิทธิ โจทก์ฟ้องจำเลยไม่ได้
พิพากษายืน

Share