คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1004/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นปรากฏว่า คู่ความได้สละประเด็นตามคำฟ้องและคำให้การที่มีอยู่ คงโต้เถียงกันแต่เพียงประเด็นเดียวว่า จำเลยส่งมอบรถยนต์ให้โจทก์แล้วหรือไม่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยยังมิได้ส่งมอบรถยนต์ให้โจทก์ จำเลยก็ต้องรับผิดตามฟ้องโจทก์ ส่วนค่าเสียหายถ้าสูงเกินไปศาลมีอำนาจลดลงได้ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าตามสัญญาเช่าซื้อ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกราคารถยนต์ที่เช่าซื้อได้อีก จึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์เก๋งยี่ห้อมอริสหมายเลขทะเบียน ช.ม.๑๒๐๐๐ ราคา ๓๘,๐๐๐ บาทจากโจทก์ โดยมีจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกันยอมรับผิดร่วมกับจำเลยที่ ๑ ในฐานะลูกหนี้ร่วม นับแต่วันทำสัญญาเช่าซื้อจำเลยที่ ๑ ไม่เคยชำระค่าเช่าซื้อเลย โจทก์ติดต่อจำเลยทั้งสองให้ชำระหนี้หลายครั้ง จำเลยทั้งสองผัดผ่อนเรื่อยมา ระหว่างที่จำเลยที่ ๑ ครอบครองรถยนต์นั้นได้นำรถยนต์ไปใช้และถูกชนจนไม่สามารถจะซ่อมให้คืนสภาพเดิมได้ โจทก์ได้รับความเสียหายคือค่ารถยนต์ ๓๘,๐๐๐ บาท ค่าเช่าซื้อที่ค้างจำนวน ๓๖,๗๔๔ บาท รวม ๗๔,๗๔๔ บาท กับดอกเบี้ยขอให้ศาลบังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระ
จำเลยที่ ๑ ให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยที่ ๑ ซื้อรถยนต์จากโจทก์ในราคา ๕๘,๐๐๐ บาทโดยวางเงินดาวน์ ๒๐,๐๐๐ บาท ที่เหลือ ๓๘,๐๐๐ บาทได้ทำสัญญาเช่าซื้อ แต่ต่อมาจำเลยที่ ๑ ไม่ประสงค์ที่จะเช่าซื้อจึงได้บอกเลิกและส่งมอบรถแก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกเงินค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระและราคารถคืน เมื่อโจทก์รับรถคืนโจทก์ตกลงจะคืนเงินดาวน์ ๒๐,๐๐๐ บาทแก่จำเลยที่ ๑ บางส่วนในภายหลัง แต่โจทก์ก็มิได้คืนให้ จำเลยที่ ๑ค้างค่าเช่าซื้อเพียง ๓ งวดเป็นเงิน ๔,๕๙๓ บาท เมื่อหักกับเงินดาวน์แล้วโจทก์ต้องคืนเงินแก่จำเลย ๑๕,๔๐๗ บาท กับต่อสู้ในข้ออื่นอีก
จำเลยที่ ๒ ให้การว่าจำเลยที่ ๑ ได้บอกเลิกสัญญาแก่โจทก์และส่งมอบรถคืนให้โจทก์แล้ว จำเลยที่ ๒ จึงไม่ต้องรับผิด
โจทก์ขาดนัดยื่นคำให้การแก้ฟ้องแย้งของจำเลยที่ ๑
ในวันนัดชี้สองสถานโจทก์และจำเลยทั้งสองตกลงสละประเด็นข้อพิพาททั้งหมด คงให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยเพียงประเด็นเดียวว่า จำเลยที่ ๑ส่งมอบรถยนต์คืนให้โจทก์แล้วหรือไม่ เมื่อใดเท่านั้น
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑ ยังไม่ได้ส่งมอบรถยนต์คืนแก่โจทก์ และค่าเสียหายที่โจทก์ฟ้องสูงเกินไป สมควรกำหนดค่าเสียหายและดอกเบี้ยให้โจทก์เพียง ๑๕,๐๐๐ บาทและกำหนดราคารถยนต์เป็นเงิน ๓๘,๐๐๐ บาท พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน ๕๓,๐๐๐ บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า จำเลยที่ ๑ ยังไม่ได้ส่งมอบรถยนต์คืนโจทก์และยังไม่ได้บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ และเห็นว่า ตามสัญญาเช่าซื้อโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกราคารถยนต์ที่เช่าซื้อได้อีก โจทก์คงมีสิทธิเรียกค่าเสียหายได้เท่านั้น และค่าเสียหายที่ศาลชั้นต้นกำหนดก็สูงเกินไป จึงกำหนดให้จำเลยใช้ ๑๒,๐๐๐ บาท จำเลยที่ ๒ มิได้อุทธรณ์ แต่กรณีเป็นการชำระหนี้อันไม่อาจแบ่งแยกได้จึงให้คำพิพากษามีผลถึงจำเลยที่ ๒ ด้วย พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหาย ๑๒,๐๐๐ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๙ จำเลยที่ ๑ได้เช่าซื้อรถยนต์พิพาทจากโจทก์ในราคา ๕๘,๐๐๐ บาท จำเลยที่ ๑ ได้วางเงินล่วงหน้าให้โจทก์ไว้ ๒๐,๐๐๐ บาท ราคาที่เหลือ ๓๘,๐๐๐ บาทโจทก์จำเลยตกลงกันทำเป็นสัญญาเช่าซื้อ โดยกำหนดราคารถเป็นเงิน ๓๘,๐๐๐ บาทจำเลยที่ ๑ จะต้องส่งเงินค่าเช่าซื้อให้โจทก์เดือนละ ๑,๕๓๑ บาท งวดแรกชำระในวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๑๙ งวดต่อไปชำระในวันที่ ๗ ของเดือนถัดไปจนครบในชั้นพิจารณาของศาลชั้นต้นคู่ความทั้งสองฝ่ายสละประเด็นตามคำฟ้องของโจทก์และคำให้การและฟ้องแย้งของจำเลย คงพิพาทกันเฉพาะข้อที่ว่าจำเลยที่ ๑ ได้ส่งมอบรถยนต์คืนให้โจทก์แล้วหรือไม่ เมื่อใดเท่านั้น แล้ววินิจฉัยว่าตามรายงานกระบวนวิธีพิจารณาของศาลชั้นต้นเป็นเรื่องคู่ความสละประเด็นตามคำฟ้อง คำให้การที่มีอยู่คงโต้เถียงกันแต่เพียงประเด็นเดียวที่ว่า จำเลยที่ ๑ ส่งมอบรถยนต์ให้โจทก์แล้วหรือไม่เท่านั้น เมื่อข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามที่ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยที่ ๑ ยังมิได้ส่งมอบรถยนต์ให้โจทก์จำเลยทั้งสองก็ต้องรับผิดตามฟ้องโจทก์ ส่วนค่าเสียหายที่โจทก์เรียกสูงเกินไปศาลย่อมมีอำนาจให้ลดลงได้ ที่ศาลอุทธรณ์ไปวินิจฉัยเรื่องสัญญาเช่าซื้อว่า โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกราคารถยนต์ที่เช่าซื้อได้อีกเป็นการนอกประเด็นที่โจทก์จำเลยแถลงต่อศาลไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณาและศาลอุทธรณ์ไม่ควรลดจำนวนค่าเสียหายลงอีก
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share