คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 493/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การเลิกจ้างลูกจ้างทดลองปฏิบัติงาน ไม่จำต้องบอกกล่าวล่วงหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 582

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำมีกำหนดเวลาทดลองงาน ๓ เดือน ตั้งแต่วันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๒๔ ค่าจ้างเดือนละ ๒๒,๐๐๐ บาท ต่อมาวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๒๔ จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยมิได้บอกกล่าวล่วงหน้า ขอให้ศาลบังคับจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ตั้งแต่วันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๒๔ ถึงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๒๔ เป็นเงิน ๓๖,๖๖๖.๕๐ บาท
จำเลยให้การว่า จำเลยที่ ๑ เป็นเพียงผู้จัดหาให้โจทก์ทำงานกับจำเลยที่ ๒ มิได้ร่วมกับจำเลยที่ ๒ จ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำ จำเลยที่ ๑ จึงไม่จำต้องบอกกล่าวล่วงหน้าเมื่อเลิกจ้าง และไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งโจทก์มิใช่ลูกจ้างประจำเพราะทำงานยังไม่เกิน ๑๒๐ วัน การที่จำเลยที่ ๒ ตกลงให้โจทก์เข้าทำงานได้แจ้งให้โจทก์ทราบแต่แรกแล้วว่าให้ทดลองปฏิบัติงานมีกำหนด ๓ เดือน โจทก์ไม่มีผลงานเป็นที่พอใจและอื่น ๆ อีก จำเลยที่ ๒ จึงเลิกจ้างโจทก์ โดยบอกกล่าวเลิกจ้างในระยะเวลาทดลองปฏิบัติงานเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยที่ ๒ จึงได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวล่วงหน้า ขอให้ยกฟ้อง
วันนัดพิจารณา โจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ ๑ ศาลมีคำสั่งอนุญาตและโจทก์จำเลยแถลงรับกันว่า จำเลยที่ ๒ จ้างโจทก์โดยมีเงื่อนไขให้โจทก์ทดลองปฏิบัติงานในโครงการชลประทานแม่กลองฝั่งขวามีกำหนด ๓ เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๒๔ เป็นต้นไปจำเลยที่ ๒ มีหนังสือเลิกจ้างโจทก์ลงวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๒๔ โดยไม่มีผลเป็นการเลิกจ้างเมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๒๔ โจทก์ได้รับหนังสือดังกล่าวเมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๒๔ ก่อนหน้านี้จำเลยที่ ๒ ไม่เคยบอกกล่าวให้โจทก์ทราบว่าจะมีการเลิกจ้างมาก่อนและต่างแถลงไม่สืบพยาน
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า โจทก์เป็นลูกจ้างทดลองปฏิบัติงาน จำเลยที่ ๒ มีสิทธิที่จะเลิกจ้างโจทก์ในระยะใดระยะหนึ่งภายในเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญา หาจำต้องบอกกล่าวล่วงหน้าไม่ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า กรณีจำเลยที่ ๒ จ้างโจทก์ทดลองปฏิบัติงานถือได้ว่าเป็นการจ้างที่จำเลยที่ ๒ ให้โจทก์เข้าทำงานเพื่อทดสอบความรู้ความสามารถและผลงานก่อน หากผลการทดลองปฏิบัติงานเป็นที่พอใจจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๒ ก็จะรับเข้าทำงานเป็นลูกจ้างประจำ ถ้าผลงานไม่เป็นที่พอใจ จำเลยที่ ๒ ก็จะเลิกจ้างโจทก์ เมื่อข้อตกลงแห่งสัญญาเป็นไปตามนัยนี้และปรากฏว่าในระยะเวลาที่ตกลงกันไว้ผลงานของโจทก์ไม่เป็นที่พอใจจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๒ ก็ย่อมมีสิทธิที่จะเลิกจ้างได้ทั้งนี้เป็นไปตามข้อตกลงแห่งสัญญาโดยไม่จำต้องบอกกล่าวล่วงหน้า เพราะถ้าจะให้จำเลยที่ ๒ ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าเมื่อเลิกจ้างโจทก์ จะมีผลให้จำเลยที่ ๒ จำยอมให้โจทก์ปฏิบัติงานและรับค่าจ้างจนเลยกำหนด ๓ เดือน ตามที่ตกลงกันไว้ จึงไม่อาจนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๕๘๒ มาปรับกับกรณีนี้ได้ เมื่อจำเลยที่ ๒ มีสิทธิเลิกจ้างโจทก์ได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าโจทก์ก็ไม่มีสิทธิหรือเรียกสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจากจำเลยที่ ๒
พิพากษายืน

Share