คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3539/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อบังคับองค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ว่าด้วยการสงเคราะห์พนักงาน พ.ศ.2519 ซึ่งเป็นข้อบังคับเกี่ยวกับการสงเคราะห์พนักงานของจำเลย ถือได้ว่าเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง ซึ่งมีลักษณะเป็นสัญญาอย่างหนึ่งระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างและมีผลใช้บังคับระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างโดยไม่จำต้องอาศัยเงื่อนไขใด ลูกจ้างจะมีสิทธิเมื่อเลิกจ้างอย่างใด ย่อมเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ในข้อบังคับดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างประจำของจำเลย เมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๒๓ จำเลยได้เลิกจ้างโจทก์ฐานหมดความไว้วางใจ ซึ่งจำเลยจะต้องจ่ายเงินบำเหน็จให้แก่โจทก์ตามข้อบังคับองค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ว่าด้วยการสงเคราะห์พนักงาน พ.ศ. ๒๕๑๙ เท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้ายคูณด้วยอายุการทำงานเป็นเงิน ๒๒๐, ๗๕๐ บาท แต่จำเลยวินิจฉัยว่าโจทก์ถูกออกจากงานฐานหมดความไว้วางใจ จึงตัดเงินบำเหน็จลงกึ่งหนึ่ง คงจ่ายให้เพียง ๑๑๐,๓๗๕ บาท โดยอาศัยเงื่อนไขตามข้อ ๑๖ แห่งข้อบังคับดังกล่าวเป็นข้ออ้างแต่ไม่ระบุเหตุผลจำเลยมีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์เป็นการกระทำที่ไร้ความเป็นธรรม ข้อบังคับองค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ ว่าด้วยการสงเคราะห์พนักงาน พ.ศ. ๒๕๑๙ เป็นนิติกรรมอย่างหนึ่งและตามข้อ ๑๖ มีเงื่อนไขว่า “ในกรณีที่พนักงานถูกออกจากงานฐานหมดความไว้วางใจ” ซึ่งเป็นเงื่อนไขบังคับก่อน และเป็นเงื่อนไขอันจะสำเร็จได้หรือไม่สุดแล้วแต่ใจของลูกหนี้ โดยจำเลยมีอำนาจให้โจทก์ออกจากงานฐานใดก็ได้โดยมีเหตุผลหรือไม่ก็ได้ นิติกรรมส่วนนี้จึงตกเป็นโมฆะ นอกจากนี้จำเลยยังได้ระบุว่าโจทก์มีส่วนพัวพันการทุจริตในองค์การของจำเลยและได้ตั้งกรรมการสอบสวนโจทก์ ผลการสอบสวนไม่ได้ความว่าโจทก์สมคบกับบุคคลอื่นกระทำความผิดเป็นเหตุให้จำเลยไม่พอใจและได้มีคำสั่งให้โจทก์ออกจากงานฐานหมดความไว้วางใจ และอ้างเงื่อนไขข้อบังคับข้อ ๑๖ ตัดทอนบำเหน็จโจทก์ขอให้ศาลบังคับจำเลยจ่ายเงินบำเหน็จให้โจทก์ครึ่งหนึ่งเป็นเงิน ๑๑๐,๓๗๕ บาท
จำเลยให้การว่าข้อบังคับองค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ ว่าด้วยการสงเคราะห์พนักงาน พ.ศ. ๒๕๑๙ มิใช่เงื่อนไข แต่เป็นระเบียบต่อพนักงานในการให้การสงเคราะห์ต่าง ๆ ซึ่งโจทก์ก็ยอมรับปฏิบัติตามและเป็นอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลยที่จะกระทำได้ จำเลยมิได้มีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ เหตุที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะโจทก์กับพวกสมคบกันปลอมเอกสารการทวงหนี้ขนส่ง ใบกำกับสิ่งของและใบสำคัญคู่จ่ายเงินเพื่อไปรับเงินจากหน่วยทหารจัสแม็ก ทำให้จำเลยเสื่อมเสียชื่อเสียงคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่าโจทก์มีเจตนาทุจริตปลอมเอกสารดังกล่าวจริง จำเลยจึงเลิกจ้างโจทก์ฐานหมดความไว้วางใจ ที่จำเลยจ่ายเงินบำเหน็จให้โจทก์ครึ่งหนึ่งเป็นไปตามที่คณะกรรมการพิจารณาเสนอความเห็นตามอำนาจข้อ ๑๖ แห่งข้อบังคับดังกล่าวเป็นการกระทำที่ถูกต้องและชอบธรรมแล้ว ขอให้ยกฟ้องโจทก์
ศาลแรงงานกลางพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ข้อบังคับองค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ว่าด้วยการสงเคราะห์พนักงาน พ.ศ. ๒๕๑๙ ข้อ ๑๖ มิใช่เป็นเงื่อนไขในการทำนิติกรรมระหว่างคู่สัญญา แต่ข้อบังคับดังกล่าวเป็นเรื่องวินัยและการลงโทษในทางการปกครองพนักงาน ซึ่งจำเลยชอบที่จะกำหนดขึ้นได้ตามความเหมาะสมที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์เนื่องจากคณะกรรมการสอบสวนของจำเลยมีความเห็นว่าพฤติการณ์แวดล้อมน่าเชื่อว่าโจทก์มีส่วนพัวพันในการปลอมเอกสารในนามของจำเลยแล้วไปเบิกเงินค่าขนส่งจากหน่วยทหารจัสแม็กนับว่ามีมลทินมัวหมองคณะกรรมการองค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ประชุมลงมติให้เลิกจ้างโจทก์ฐานหมดความไว้วางใจและคณะกรรมการสงเคราะห์ลงมติให้ตัดเงินบำเหน็จกึ่งหนึ่งตามข้อบังคับข้อ ๑๖ ผู้อำนวยการของจำเลยจึงมีคำสั่งตัดเงินบำเหน็จลงกึ่งหนึ่ง ตามความเห็นของคณะกรรมการ ไม่ปรากฏว่ามีการกลั่นแกล้งโจทก์แต่ประการใด คำสั่งของจำเลยเป็นการชอบด้วยระเบียบข้อบังคับแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า แม้ข้อบังคับองค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ว่าด้วยการสงเคราะห์พนักงาน พ.ศ. ๒๕๑๙ ซึ่งเป็นข้อบังคับเกี่ยวกับการสงเคราะห์พนักงานของจำเลยเมื่อเจ็บป่วย คลอดบุตร หรือออกจากงานอันเป็นประโยชน์ที่ลูกจ้างจะได้รับจากนายจ้างอันเกี่ยวกับการทำงาน จึงถือได้ว่าเป็นข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง ซึ่งมีลักษณะเป็นสัญญาอย่างหนึ่งระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง อันสัญญาที่มีเงื่อนไขบังคับก่อนนั้น เป็นกรณีที่ตกลงกันไว้ว่า ต้องมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นตามสัญญาเสียก่อน สัญญานี้จึงจะมีผลบังคับ แต่ข้อบังคับดังกล่าวของจำเลยมีผลบังคับระหว่างโจทก์จำเลยอยู่แล้ว โดยมิต้องอาศัยเงื่อนไขใดทั้งนี้ย่อมเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ กรณีนี้เมื่อโจทก์ออกจากงานเพราะจำเลยเลิกจ้าง โจทก์จะมีสิทธิได้รับเงินบำเหน็จหรือไม่เพียงใด ย่อมเป็นไปตามข้อกำหนดในข้อบังคับและข้อความในข้อ ๑๖ แห่งข้อบังคับดังกล่าวเป็นเพียงข้อกำหนดเกี่ยวกับวิธีการจ่ายเงินบำเหน็จประการหนึ่งเท่านั้น มิใช่เงื่อนไขข้อบังคับก่อนและไม่เป็นเหตุให้ข้อบังคับดังกล่าวเป็นโมฆะแต่ประการใด
พิพากษายืน

Share