คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2674/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ปัญหาข้อกฎหมายที่คู่ความมิได้ยกขึ้นว่ากล่าวไว้ในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์แต่คู่ความมีสิทธิที่จะฎีกาได้นั้นจะต้องเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 286 ข้อ 24 เพียงแต่ให้สิทธิแก่ผู้จัดสรรที่ดินที่จะเรียกร้องเอาราคาที่ดินทั้งหมดที่ผู้ซื้อยังค้างชำระอยู่ในกรณีที่ผู้ซื้อผิดนัดไม่ชำระราคาที่ต้องชำระเป็นคราวๆ ตั้งแต่สองคราวติดต่อกันขึ้นไปก็ได้เท่านั้น จึงมิใช่กฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยไม่มีสิทธิอ้างประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าวมาให้ศาลวินิจฉัยในเมื่อมิได้ยกข้อต่อสู้ในเรื่องนี้ไว้ในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บุกรุกเข้าไปปลูกบ้านและทำรั้วในที่ดินพิพาทของโจทก์ขอให้ขับไล่จำเลยรื้อบ้านและรั้วออกไป
จำเลยให้การว่า จำเลยรับโอนสิทธิการเช่าซื้อที่ดินพิพาทมาจากนายมุ่ย เพชรไฝขอให้ยกฟ้อง
จำเลยขอให้หมายเรียกนายมุ่ย เพชรไฝ เข้ามาเป็นจำเลยร่วมศาลชั้นต้นอนุญาต
นายมุ่ย จำเลยร่วมให้การว่า จำเลยร่วมได้เช่าซื้อที่ดินพิพาทมาจากนายรัตน์เจ้าของเดิม ต่อมานายรัตน์โอนขายให้แก่โจทก์ จำเลยร่วมคัดค้าน ในที่สุดโจทก์นายรัตน์และจำเลยร่วมตกลงกันว่าให้นายรัตน์โอนให้แก่โจทก์ไปก่อน แล้วโจทก์จะโอนที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยร่วมภายใน ๓ เดือน แล้วโจทก์ผิดสัญญา จำเลยร่วมได้โอนสิทธิเช่าซื้อให้แก่จำเลย จำเลยเข้าครอบครองโดยความรู้เห็นยินยอมของโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้ขับไล่จำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายเพียงข้อเดียวว่านายรัตน์เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินเดิมซึ่งเป็นผู้จัดสรรที่ดินไม่ปฏิบัติตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๒๘๖ ข้อ ๓๒ จึงต้องปฏิบัติตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๘๖ ข้อ ๒๔ ซึ่งบัญญัติให้ผู้จัดสรรที่ดินใช้สิทธิเรียกร้องเอาราคาที่ค้างชำระทั้งหมดจากผู้ซื้อที่ผิดนัดไม่ชำระราคาเป็นคราว ๆ ตั้งแต่สองคราวติดต่อกันก็ได้ นายรัตน์เจ้าของที่ดินเดิมไม่มีสิทธิเลิกสัญญาเช่าซื้อ เมื่อนายมุ่ย ผู้เช่าซื้อเดิมโอนสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อให้แก่จำเลยแล้ว โจทก์ผู้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินมาจากนายรัตน์จึงชอบจะเรียกร้องเอาค่าเช่าซื้อที่ยังขาดอยู่จากจำเลย โดยไม่มีสิทธิฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกไปเสียจากที่ดินพิพาทได้ และประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าวเป็นกฎหมายแม้จำเลยจะไม่ได้ยกขึ้นกล่าวไว้ในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็มีสิทธิฎีกาให้ศาลวินิจฉัยได้
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ปัญหาข้อกฎหมายที่คู่ความไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวไว้ในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์แต่คู่ความมีสิทธิที่จะฎีกาได้นั้น จะต้องเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๙ กรณีตามฎีกาจำเลย ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๘๖ ข้อ ๒๔ เพียงแต่ให้สิทธิแก่ผู้จัดสรรที่ดินที่จะเรียกร้องเอาราคาที่ดินทั้งหมดที่ผู้ซื้อยังค้างชำระอยู่ในกรณีที่ผู้ซื้อผิดนัดไม่ชำระราคาที่ต้องชำระเป็นคราว ๆ ตั้งแต่สองคราวติดต่อกันขึ้นไปก็ได้เท่านั้น จึงมิใช่กฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน จำเลยไม่มีสิทธิฎีกาอ้างประกาศของคณะปฏิวัติดังกล่าวมาให้ศาลวินิจฉัยในเมื่อมิได้ยกข้อต่อสู้ในเรื่องนี้ไว้ในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์
พิพากษายกฎีกาจำเลย

Share