คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2014/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อมีการเลิกสัญญาต่อกันแล้ว คู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิม ส่วนที่เป็นการงานอันที่โจทก์ได้กระทำและยอมให้จำเลยได้ใช้สิทธินั้น โจทก์มีสิทธิที่จะได้รับการชดใช้คืนด้วยการใช้เงินตามควรแห่งค่าของผลงานที่ทำไปแล้ว
โจทก์ฟ้องให้จำเลยจ่ายค่าจ้างที่ค้างชำระให้โจทก์ กรณีพอถือได้ว่าเป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินจากผลงานที่ทำไปแล้ว ชอบที่ศาลจะหยิบยกผลของการงานที่โจทก์ทำไปแล้วมาเป็นข้อวินิจฉัยเพื่อให้มีการชดใช้เงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391 ได้ ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยว่าจ้างโจทก์ให้ทำทาง โจทก์ทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้วจำเลยไม่ยอมจ่ายค่าจ้างที่ค้างชำระงวดที่สองและงวดที่สามให้โจทก์ ขอบังคับให้จำเลยชำระเงินค่าจ้างและคืนเงินค่าประกันการทำงานตามสัญญาให้โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ผิดสัญญา จำเลยบอกเลิกสัญญาแล้ว จำเลยจึงไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินงวดที่เหลือให้โจทก์ ส่วนเงินประกันเป็นสัญญามัดจำ จะจ่ายคืนให้โจทก์ต่อเมื่อส่งมอบงานเสร็จ โจทก์ผิดสัญญาและจำเลยบอกเลิกสัญญาแล้ว จำเลยมีสิทธิริบเงินมัดจำ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ทำงานไม่เสร็จตามสัญญา จำเลยมีสิทธิเลิกสัญญาได้ แต่จะต้องชดใช้ค่าแห่งการงานที่โจทก์นำมาแล้วตามสัญญา กับต้องคืนเงินประกันให้แก่โจทก์ พิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าแห่งการงานที่ทำไปแล้ว ๗๖,๒๒๐ บาท และคืนเงินประกัน ๑๑,๕๐๐ บาทแก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เงินประกันสัญญา ๑๑,๕๐๐ บาท ตามสัญญาถือได้ว่าเป็นเงินมัดจำ จำเลยมีสิทธิจะริบเพราะโจทก์ไม่อาจส่งมอบงานครบถ้วนตามสัญญาพิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยไม่ต้องคืนเงินมัดจำ ๑๑,๕๐๐ บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ทำงานงวดที่หนึ่งเสร็จและรับเงินไปแล้วงานงวดที่สองทำเสร็จไปเพียงบางส่วน งานงวดที่สามก็ทำเสร็จไปแล้ว จำเลยถือว่าโจทก์ผิดสัญญา จึงบอกเลิกสัญญาและไม่ยอมชำระเงินค่างวดสองงวดที่ค้างกับเงินค่าประกันสัญญาให้โจทก์
คดีมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาเพียงว่า จำเลยจะต้องรับผิดชำระเงินเป็นค่าผลงานที่โจทก์ทำไปแล้วในงวดที่สองและที่สามหรือไม่ ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่าเมื่อมีการเลิกสัญญาต่อกันแล้ว คู่สัญญาแต่ละฝ่ายจำต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งได้กลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๙๑ อันเป็นผลให้โจทก์และจำเลยในฐานะคู่สัญญาแต่ละฝ่ายต่างกลับคืนสู่ฐานะเดิมที่ได้กระทำและยอมให้จำเลยได้ใช้ทรัพย์นั้น แม้ตามสัญญาระหว่างโจทก์และจำเลยจะไม่มีข้อกำหนดให้ชดใช้เงินตอบแทนในเรื่องนี้ไว้ก็ตาม แต่เห็นว่าโจทก์ก็มีสิทธิที่จะได้รับการชดใช้คืน ด้วยการใช้เป็นเงินตามควรค่าของผลงานที่ทำ ดังที่บัญญัติไว้ในวรรคสามของมาตราดังกล่าว ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยให้จำเลยรับผิดชำระเงินตามส่วนของผลงานที่โจทก์ทำไปแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
ที่จำเลยฎีกาว่า เมื่อโจทก์ทำงานไม่แล้วเสร็จตามลำดับงวดของงานอันเป็นการผิดสัญญา และจำเลยได้บอกเลิกสัญญาตามสัญญาข้อ ๑๓ โดยผลแห่งการเลิกสัญญา ประกอบกับจำเลยได้รับความคุ้มครองตามสัญญาจ้างข้อ ๑๓ จึงไม่เหลือหนี้อันใดที่จำเลยจะต้องชำระให้แก่โจทก์อีก ทั้งฟ้องของโจทก์ก็เป็นการฟ้องเรียกเงินตามสัญญาจ้าง เมื่อสัญญาได้เลิกกันแล้ว เพราะโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาแต่ที่ศาลล่างทั้งสองให้จำเลยจ่ายเงินค่าจ้างให้ตามผลงาน จึงเป็นการพิพากษาเกินคำขอนั้น คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยจ่ายค่าจ้างที่ค้างชำระให้โจทก์ กรณีพอถือได้ว่าเป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องเรียกเงินจากผลงานที่ทำไปแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๙๑ ชอบที่ศาลจะหยิบยกผลของการงานที่โจทก์ทำไปแล้วมาเป็นข้อวินิจฉัยเพื่อให้มีการชดใช้เป็นเงินได้ ไม่เป็นการพิพากษาเกินคำขอ
พิพากษายืน

Share