คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2379/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ศาลจะพิพากษาคดี หรืออ่านคำพิพากษาเมื่อใดเป็นดุลพินิจของศาลภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 182
เมื่อศาลสั่งนัดอ่านคำพิพากษาวันเวลาใด คำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จ-สำนวน โจทก์จะอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งนั้นโดยมิได้อุทธรณ์ฎีกาคำพิพากษษอันเป็นประเด็กสำคัญด้วยหาได้ไม่ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 196

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติศุลกากร
จำเลยที่ ๑ ที่ ๓ ให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลยที่ ๒ ที ๔ ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์ยกฟ้องจำเลยที่ ๒ ที่ ๔ เป็นคดีใหม่ภายใน ๗ วัน แล้วพิพากษาว่าจำเลยที่ ๑ ที่ ๓ มีความผิดตามที่โจทก์ฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ขอให้รอการพิพากษาคดีสำหรับจำเลยที่ ๑ ที่ ๓ ไว้พิจารณาพร้อมกับจำเลยที่ ๒ ที่ ๔
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่ศาลจะพิพากษาคดีหรืออ่านคำพิพากษาเมื่อใดเป็นดุลพินิจของศาลภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๘๒และเมื่อศาลสั่งนัด – อ่านคำพิพากษาวันเวลาใด คำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่ทำให้คดีเสร็จสำนวนโจทก์จะอุทธรณ์ฎีกาคำสั่งนั้นโดยมิได้มีอุทธรณ์ฎีกาคำพิพากษาอันเป็นประเด็นสำคัญด้วยหาได้ไม่ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๖
พิพากษายกฎีกาโจทก์

Share