แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เงินค่าปรับและค่างานที่สูงขึ้นที่ลูกหนี้ (จำเลย) ผิดสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างทางและค้างชำระอยู่ แม้จะปรากฏว่าเหตุผิดสัญญาที่ทำให้เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับการชำระเงินค่าปรับจากลูกหนี้มีมาก่อนวันที่ศาลมีคำสั่ง พิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ก็ตาม แต่ตามสัญญาได้กำหนดให้ลูกหนี้ผู้ผิดสัญญาต้องเสียค่าปรับแก่เจ้าหนี้เป็นรายวัน ไปทุกวันที่ยังผิดสัญญาอยู่ มูลหนี้เงินค่าปรับดังกล่าวจึงเกิดขึ้นเป็นรายวันไป ฉะนั้น มูลหนี้ค่าปรับเป็นรายวันตามสัญญาส่วนที่เกิดขึ้นภายหลังวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิขอรับชำระได้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้เพราะเป็นการฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของมาตรา 94 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์บริษัทสหวิศวการโยธา จำกัดลูกหนี้เด็ดขาดเมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๑๒ ต่อมากรมทางหลวงเจ้าหนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เงินค่าปรับ และค่างานที่สูงขึ้นที่ลูกหนี้ผิดสัญญาและค้างชำระอยู่เป็นจำนวนเงิน ๔,๕๗๙,๖๐๐ บาท
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้ว เสนอความเห็นต่อศาลชั้นต้นว่าลูกหนี้ผิดสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างทางต่อกรมทางหลวงเจ้าหนี้ทุกฉบับ จึงต้องรับผิดชำระเงินค่าปรับเป็นรายวันให้แก่เจ้าหนี้ตามสัญญา แต่เนื่องจากเหตุผิดสัญญาเกิดขึ้นก่อนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ มูลหนี้ที่ขอรับชำระจึงเกิดขึ้นก่อนและมีสิทธิได้รับชำระจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ถึงวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ส่วนค่าปรับจะได้รับชำระหลังจากนั้นต้องห้ามมิให้ขอรับชำระตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๐๐ พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ เจ้าหนี้ควรได้รับชำระเงินค่าปรับตามสัญญาจ้างที่ ข.ข. ๖/๒๕๑๑ ลงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๑๑ เต็มตามขอจำนวน ๒๙,๒๕๐ บาท ค่างานที่สูงขึ้นเพราะเหตุผิดสัญญาจ้างที่ ก.ส. ๑๙/๒๕๑๐ ลงวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๑๐ เต็มตามจำนวน ๑,๕๔๘,๓๕๐ บาท ส่วนหนี้เงินค่าปรับตามสัญญาจ้างฉบับลงวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๔๙๗ ให้สิทธิได้รับชำระถึงวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เป็นจำนวน ๑,๐๕๐,๐๐๐ บาท ตามสัญญาจ้างที่ ก.ส. ๑๙/๒๕๑๐ ลงวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๑๐ ลงวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๑๐ ให้สิทธิได้รับชำระเงินถึงวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เป็นจำนวน ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท แต่ลูกหนี้มีสิทธิได้รับชำระเงินค่างานจากเจ้าหนี้อยู่ ๕๕๐,๐๐๐ บาท จึงหักเงินจำนวนนี้ออกจากเจ้าหนี้ควรมีสิทธิได้รับชำระเพียง ๔๕๐,๐๐๐ บาท และสัญญาฉบับนี้มีธนาคารกรุงไทย จำกัด ทำสัญญาค้ำประกันลูกหนี้ในวงเงินจำนวน ๔๔๓,๘๘๑.๒๕ บาท จึงควรมีข้อแม้เป็นเงื่อนไขว่า ถ้าเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้จากผู้ค้ำประกันเพียงใดแล้ว ก็ให้สิทธิที่จะขอรับชำระหนี้ลดลงเพียงนั้นรวมเป็นจำนวนเงินที่เจ้าหนี้ควรได้รับชำระจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ ๓,๐๗๗,๖๐๐ บาท โดยมีข้อแม้เป็นเงื่อนไขดังกล่าวนั้นด้วย คำขอนอกจากนั้นให้ยก
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วมีคำสั่งให้กรมทางหลวงเจ้าหนี้ได้รับชำระเงินจำนวน ๓,๐๗๗,๖๐๐ บาทจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้โดยมีข้อแม้เป็นเงื่อนไขตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
กรมทางหลวงเจ้าหนี้อุทธรณ์ขอรับชำระเงินค่าปรับเป็นรายวันตามสัญญาจ้างเต็มจำนวนตามที่ขอ
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า เงินค่าปรับเป็นรายวันไม่ใช่เงินดอกเบี้ยหรือเงินค่าป่วยการอื่นแทนดอกเบี้ยซึ่งต้องห้ามมิให้เจ้าหนี้ขอรับชำระได้ภายหลังจากวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๐๐ พระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.๒๔๘๓ เจ้าหนี้จึงมีสิทธิขอรับชำระเงินค่าปรับเป็นรายวันได้จนถึงวันแจ้งบอกเลิกสัญญาจ้าง คิดค่าปรับเป็นรายวันให้ถึงวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๑๒ รวม ๓๘๓ วัน รวมเป็นเงิน ๗๖๖,๐๐๐ บาท เมื่อหักเงินจำนวน ๕๕๐,๐๐๐ บาท ค่างานที่ลูกหนี้มีสิทธิได้รับจากเจ้าหนี้ออก คงเหลืออยู่ ๒๑๖,๐๐๐ บาท ที่เจ้าหนี้มีสิทธิขอรับชำระ พิพากษาแก้เป็นว่า ให้กรมทางหลวงเจ้าหนี้มีสิทธิได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้เป็นจำนวนเงิน ๓,๐๕๙,๖๐๐ บาท (ศาลอุทธรณ์มิได้พิพากษาให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้โดยมีข้อแม้เป็นเงื่อนไขไว้ตามประเด็นอุทธรณ์)
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และเจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า พิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าเหตุผิดสัญญาทำให้กรมทางหลวงเจ้าหนี้มีสิทธิได้รับการชำระเงินค่าปรับจากลูกหนี้จะมีมาก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ก็ตามแต่ ตามสัญญาได้กำหนดให้ลูกหนี้ผู้ผิดสัญญาต่างเสียค่าปรับแก่เจ้าหนี้เป็นรายวันไปทุกวันที่ยังผิดสัญญาอยู่ มูลหนี้เงินค่าปรับจึงเกิดขึ้นเป็นรายวันไป ซึ่งตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. ๒๔๘๓ มาตรา ๙๔ ได้บัญญัติไว้ว่า “เจ้าหนี้ไม่มีประกันอาจขอรับชำระหนี้ได้ ถ้ามูลแห่งหนี้ได้เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์” ฉะนั้น มูลหนี้ค่าปรับเป็นรายวันตามสัญญาส่วนที่เกิดขึ้นภายหลังวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๑๒ อันเป็นวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิขอรับชำระได้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ เพราะฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้เงินค่าปรับเป็นรายวันตามสัญญาฉบับลงวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๔๙๗ จนถึงวันหลังบอกเลิกสัญญาซึ่งเป็นวันที่หลังจากวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ด้วยนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย เจ้าหนี้ชอบที่จะได้รับชำระหนี้เงินค่าปรับเป็นรายวันได้เพียงวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๑๒ ซึ่งเป็นวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ รวมเป็นเงิน ๑,๐๕๐,๐๐๐ บาท
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้กรมทางหลวงเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้เป็นจำนวนเงินตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ยกเว้นแต่หนี้เงินค่าปรับตามสัญญาที่ ก.ส. ๑๙/๒๕๑๐ ลงวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๑๐ ได้รับชำระเพียง ๒๑๖,๐๐๐ บาท และถ้าเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้จากผู้ค้ำประกันเพียงใดแล้วก็ให้สิทธิที่จะขอรับชำระลดลงเพียงนั้นค่าฤชาธรรมชั้นฎีกาให้เป็นพับ