คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4490/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เดิมโจทก์เช่าอาคารพิพาทจากสุขาภิบาลแล้วให้จำเลยเช่าช่วงมีกำหนด 3 ปี นับแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2536 เมื่อครบกำหนดตามสัญญาเช่าแล้วจำเลยไม่ยอมออกจากอาคารพิพาท ดังนี้ แม้โจทก์จะโอนสิทธิการเช่าอาคารให้แก่ ส. ตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2540 ก่อนฟ้องคดีนี้ก็ตาม แต่โจทก์ซึ่งเป็นคู่สัญญากับจำเลยอาจใช้สิทธิที่มีอยู่ตามสัญญาเช่าเรียกให้จำเลยส่งมอบอาคารพิพาทแก่โจทก์ได้ เพื่อโจทก์จะได้ส่งมอบอาคารพิพาทให้แก่ผู้รับโอนสิทธิการเช่า โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง… ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากอาคารพาณิชย์ ๒ ชั้น ๑ คูหาครึ่ง เลขที่ ๖๙๑ ในตลาดสดสุขาภิบาลกังแอน ตำบลกังแอน อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ให้จำเลยใช้ค่าขาดประโยชน์แก่โจทก์เดือนละ ๙,๐๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยและบริวารจะออกไปจากอาคารที่เช่า
จำเลยให้การว่า อาคารที่เช่าเป็นกรรมสิทธิ์ของสุขาภิบาลกังแอนให้ประชาชนเช่าในอัตราค่าเช่าเดือนละ ๙๘๐.๒๐ บาท และห้ามผู้เช่านำไปให้บุคคลอื่นเช่าช่วง ขณะฟ้องคดีโจทก์ไม่มีสิทธิครอบครองอาคารที่เช่า ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากอาคารพาณิชย์ ๒ ชั้น ๑ คูหาครึ่ง เลขที่ ๖๙๑ ในตลาดสดสุขาภิบาลกังแอน ตำบลกังแอน อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ให้จำเลยใช้ค่าขาดประโยชน์เดือนละ ๔,๕๐๐ บาท นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๔๐) เป็นต้นไปแก่โจทก์ จนกว่าจำเลยและบริวารจะขนย้ายทรัพย์สินออกจากอาคารดังกล่าว กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ ๒,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ ๑,๕๐๐ บาท แทนโจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์โอนสิทธิการเช่าอาคารพิพาทให้แก่ผู้อื่นแล้วไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยนั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวศาลฎีกาจำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน ข้อเท็จจริงได้ความตามคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ว่า เดิมโจทก์เช่าอาคารพิพาทจากสุขาภิบาลกังแอนแล้วให้จำเลยเช่าช่วงมีกำหนด ๓ ปี นับแต่วันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๓๖ ครั้นวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๔๐ โจทก์โอนสิทธิการเช่าอาคารดังกล่าวให้แก่นางสนันท์ มุมทอง เมื่อสัญญาเช่าครบกำหนดโจทก์แจ้งให้จำเลยออกจากอาคารพิพาท แต่จำเลยเพิกเฉย เห็นว่า แม้โจทก์ซึ่งเป็นผู้เช่าอาคารพิพาทจากสุขาภิบาลกังแอนได้โอนสิทธิการเช่าอาคารดังกล่าวให้แก่นางสนันท์ตั้งแต่วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๔๐ ก่อนฟ้องคดีนี้ก็ตาม แต่โจทก์ซึ่งเป็นคู่สัญญากับจำเลยอาจใช้สิทธิที่มีอยู่ตามสัญญาเช่าเรียกให้จำเลยส่งมอบอาคารพิพาทแก่โจทก์ได้ เพื่อโจทก์จะได้ส่งมอบอาคารพิพาทให้แก่ผู้รับโอนสิทธิการเช่า เมื่อจำเลยมิได้โต้เถียงว่าจำเลยมีสิทธิอยู่อาศัยในอาคารพิพาท จำเลยก็ต้องออกจากอาคารดังกล่าว จำเลยไม่อาจยกข้อต่อสู้ดังกล่าวขึ้นใช้ยันโจทก์ได้ โจทก์มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลย ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษาคดีชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา ๑,๕๐๐ บาท แทนโจทก์.

Share